วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สุดยอดสิ่งประดิษฐ์แห่งปี 2012 จากการจัดอันดับของนิตยสาร “ไทม์”


นิตยสาร "ไทม์" (TIME) ได้จัดอันดับสิ่งประดิษฐ์สุดยอดนวัตกรรมแห่งปี 2012 โดยเรียงลำดับตามมูลค่าของสิ่งประดิษฐ์ จะมีอะไรบ้างมาดูกัน

1.เมฆในสถ
านที่ปิด (Indoor Clouds)
ไอเดียประเมินมูลค่าไม่ได้



 
เมฆสีขาวที่เห็นอยู่กลางห้องไม่ใช่ภาพถ่ายที่ผ่านการตกแต่งด้วยโปรแกรมโฟโตชอป หากแต่เป็นจินตนาการอันสร้างสรรค์ของศิลปินชาวดัตช์ “เบอร์นาร์ต สไมลด์” เขาใช้เวลาในการเตรียมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับหารก่อตัวของก้อนเมฆ ไม่ว่าจะเป็นอุณภูมิ ระดับความชื้น แสงสว่าง เมื่อองค์ประกอบทุกอย่างลงตัวกลุ่มก้อนเมฆก็ปรากฏขึ้น แม้มันจะอยู่ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็นับได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่ผสมแนวคิดทั้งศิลปะและวิทยาศาสตร์ได้อย่างลงตัว สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้เข้าชมเป็นอย่างมาก

2. ตำราสร้างอุปกรณ์และเครื่องจักรสำคัญสำหรับการดำรงชีวิต (The Civilization Starter Kit)
ไอเดีย ใช้ฟรี
 



นายมาร์ซิน ยาคูบาวสกี เกษตรกรและนักเทคโนโลยี ได้เขียนตำราค้นคว้าวิธีการสร้างเครื่องจักรสำคัญที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์กว่า 50 ชนิด โดยทำในรูปแบบตำราศึกษาฟรีออนไลน์ เน้นการผลิตเครื่องจักรทั้งหลายแหล่ด้วย "ต้นทุนต่ำที่สุด" เพื่อให้ใคร ๆ ก็มีไว้ในครอบครองได้ เช่น ตำราการสร้างรถแทรกเตอร์ด้วยตัวเองภายใน 6 วัน เป็นต้น

คลิก ดาวน์โหลดฟรี!!! ตำราสร้างอุปกรณ์และเครื่องจักรสำคัญสำหรับการดำรงชีวิต

3.ไขควงปรับทิศทางการหมุนตามการเคลื่อนไหว (The Motion-Activated Screwdriver)
ไอเดีย ใช้ฟรี – ราคา 4,500 บาท
 

 

 
ไขควง รุ่น "4v MAX Gyro" ของแบล็กแอนด์เดกเกอร์ เป็นไขควงตัวแรกของโลกที่ปรับทิศทางการหมุนตามทิศทางการเคลื่อนไหวของข้อมือ เช่น เมื่อเอียงไขควงราวๆ 1 นิ้วไปทางขวา ตัวหัวไขควงก็จะหมุนไปตามเข็มนาฬิกา แต่ถ้าเอียงมาฝั่งซ้ายก็จะหมุนทวนเข็มนาฬิกาโดยอัตโนมัติ

4.สารเคลือบขวดซอสมะเขือเทศ (LiquiGlide)
ไอเดีย ใช้ฟรี – ราคา 4,500 บาท
 
 

เชื่อว่ามีคนจำนวนมากรู้สึกหงุดหงิด เวลาที่เทซอสมะเขือเทศแล้วมันไม่ยอมไหลออกมาจากขวด สุดท้ายต้องตัดสินใจทิ้งซอสมะเขือเทศที่นอนอยู่บนก้นขวด แต่ปัญหาทั้งหมดนี้จะหมดไป เมื่อทีมนักศึกษาวิศวกรจากเอ็มไอที นำโดยนายเดว สมิท ได้คิดนสารเคลือบขวดที่ทำให้ซอสมะเขือเทศไหลจากขวดได้อย่างรวดเร็ว และไม่นอนก้นแม้แต่หยดเดียว นวัตกรรมนี้มีชื่อว่า “LiquiGlide" จะช่วยลดปริมาณซอส มายองเนส ที่ถูกทิ้งเนื่องจากเทไม่ออกจากขวดได้ถึง 1 ล้านตันต่อปี

สมิท กล่าวว่า สารเคลือบพื้นผิวนี้มีลักษณะเป็นของเหลวที่มีความแข็งเหมือนของเข็งทั่วไป แต่มันกลับลื่นไหลได้เหมือนของเหลว สามารถนำไปใช้เคลือบพื้นผิวภาชนะต่าง ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น แก้ว พลาสติก วิธีใช้แค่เพียงพ่นสารเคลือบผิวนี้ลงไปบนพื้นผิวด้าน มันจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ไหลอย่างรวดเร็วและง่ายดาย

5.ชุดตรวจเอดส์ด้วยตัวเอง รู้ผลภายใน 20 นาที (OraQuick)
ไอเดีย ใช้ฟรี – ราคา 4,500 บาท
 



ชุดเครื่องตรวจเชื้อ “เอชไอวี” หรือ “เอดส์” OraQuick ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐ หรือ “เอฟดีเอ” แล้วว่า มีคุณสมบัติในการตรวจที่มีประสิทธิภาพ และผู้ใช้สามารถทดสอบได้ด้วยตัวเองเพียงลอกเยื้อบุในช่องปากแทนการใช้เลือด ทำให้ปลอดภัยและสะดวกมากขึ้น และทราบผลได้ภายใน 20 นาที ความแม่นยำอยู่ที่ 99% จาก

6.เครื่องกรองน้ำพลังแสงอาทิตย์ (Eliodomestico Solar Water Distiller)
ไอเดีย ใช้ฟรี – ราคา 4,500 บาท
 



“เกเบรียล ดิอาแมนติ “นักออกแบบอิสระได้คิดค้นเครื่องกรอง้ำพลังแสงอาทิตย์นี้ขึ้นโดยใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์เป็นตัวกลั่น-กรอง น้ำที่ไม่ค่อยสะอาด โดยเฉพาะในประเทศยากจน หรือประเทศโลกที่สาม ซึ่งหาแหล่งน้ำสะอาดได้ยาก

7.ถุงมือพูดได้ (Enable Talk Gloves)
ไอเดีย ใช้ฟรี – ราคา 4,500 บาท

 
 

นักศึกษาชาวยูเครน 4 คนได้คิดค้นถุงมือพูดได้นี้ขึ้น เพื่อช่วยให้คนใบ้คนหูหนวกสามารถสื่อสารกับคนรอบข้างได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น กลไกการทำงานคือที่ถุงมือจะมีตัวเซ็นเซอร์คอยจำจัดลักษณะการเคลื่อนไหวของ "ภาษามือ" จากนั้นประมวลผลภาษามือออกมาเป็นตัวอักษรและเสียงพูดผ่านโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน

8.สุนัขกลแสนรู้ (Techpet)
ไอเดีย ใช้ฟรี – ราคา 4,500 บาท
 



หลายคนคงเคยเล่นทามาก็อตจิ ของเล่นสุดฮฺตจากญี่ปุ่นเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้ "บันได" (BANDAI) ผู้ผลิตวีดิโอเกมส์และของเล่นรายใหญ่แห่งแดนปลาดิบ ได้ผลิตสัตว์เลี้ยงสุดแปลกโดยมีระบบเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือไอโฟน (iphone) และเล่นผ่านแอพที่มีชื่อว่า“TechPet” เท่านี้ หน้าตาของเจ่าสุนักสุดน่ารักก็จะปรากฏอยู่บนจอไอโฟน พร้อมเคลื่อนไหวได้เหมือนสุนัขตัวเป็น ๆ แถมมันสามารถรับรู้คำสั่งเสียงและการเคลื่อนไหวของเราได้อีกด้วย

9.รองเท้าด้ายไนกี้ (Nike Flyknit Racer)
ไอเดีย ใช้ฟรี – ราคา 4,500 บาท


"ไนกี้" ผู้ผลิตชุดกีฬาชื่อดังได้ผลิตรองเท้า สำหรับวิ่งรุ่นใหม่ โดยผลิตมาจากด้ายชนิดพิเศษตลอดทั้งคู่ ไม่มีการนำวัสดุอื่น ๆ เข้ามาตัดเย็บด้วย ทำให้รองเท้ามีน้ำหนักเบาแค่เพียง 160 กรัมเท่านั้น จนได้รับการขนานนามว่าเป็นรองเท้าที่ “เบาที่สุดในโลก”

10.ยางเติมลมให้ตัวเอง (Self-inflating tires)
ราคา 6,000 บาท – 15,000 บาท

 

ล้อยางชนิดพิเศษนี้พัฒนาโดยบริษัทกู๊ดเยียร์ โดยการทำงานของยางเส่นนี้จะมีวาล์วสำหรับเปิดปิลม พร้อมกับอุปกรณ์ตรวจวัด แรงดันลมภายในล้อยาง เวลาที่ลมยางอ่อนกว่าที่กำหนด วาล์วในตัวล้อจะเปิดท่อเพื่อเพิ่มลมยางให้เข้าไปในล้อ และเมื่อลมภายในล้ออยู่ระดับปกติ วาล์วก็จะปิดเหมือนเดิม

11.เครื่องถ่ายภาพเสี่ยงภัย (Bounce Imaging)
ราคา 6,000 บาท – 15,000 บาท
 



นักศึกษาจากเอ็มไอทีและกองทัพ ได้ร่วมกันคิดค้นเครื่องสำหรับถ่ายภาพในสถานการณ์เสี่ยงภัย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ไฟไฟม้และจี้ชิงทรัพย์ หรือตัวประกัน โดยเจ้ากล้องตัวนี้มีรูปร่างเหมือนลูกเบสบอลที่สามารถเคลื่อนไหวกระดอนไปมาได้ และมีกล้องทั้งหทด 6 ตัวติดอยู่โดยรอบ พร้อมกับระบบเซ็นเซอร์คุณภาพอากาศ อุณภูมิ รังสี

12.กล้องดิจิตอล Sony RX 100 (Sony RX100 Digital Camera)
ราคา 18,000 บาท – 90,000 บาท

 


กล้องขนาดพกพา แต่คุณภาพเทียบเท่ากล้องโปร SLRs ภายในมีเซ็นเซอร์ขนาด 2.5 เซนติเมตร คอยทำหน้าที่จับภาพอย่างไร้ที่ติ ขณะเดียวกัน ตัวกล้องมีขนาดเล็กกว่ากล้อง SLR ถึง 20 เปอร์เซ็นต์

13.ชุดเหินเวหา (Wingsuit Racing)
ราคา 18,000 บาท – 90,000 บาท



การแข่งขัน "วิงก์สูท ฟลายอิ้ง" ชิงแชมป์โลกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ณ ประเทศจีน กติกาคือผู้เข้าแข่งขันต้องใส่ชุด "วิงก์สูท" ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับชุดแบ๊ตแมนมีปีก แล้วกระโดด "ร่อน" เหินเวลาลงมาจากหน้าผาความสูง 1,500 เมตร ลงแตะพื้นโลกในเวลาไม่เกิน 30 วินาที ผู้ชนะคนล่าสุดจากการแข่งขันนี้คือ “จูเลียน บูลล์” จากแอฟริกาใต้ ทำเวลา 23.41 วินาที

14.แว่นตากูเกิ้ล (Google Glass)
ราคา 18,000 บาท – 90,000 บาท
 



แว่นตารูปทรงทันสมัยนี้ พัฒนาโดย บริษัท กูเกิ้ล เสิร์ชเอนจิน เบอร์ 1 ของโลกบนเลนส์ของแว่นกูเกิ้ลจะมี "จอภาพ" ขนาดเล็ก 1.3 เซนติเมตรติดอยู่ด้วย เพื่อให้ผู้สวมใส่ใช้ดูข้อมูลการเชื่อมต่อแว่นเข้ากับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต รวมถึงใช้งานดูไฟล์มัลติมีเดียต่าง ๆ เช่น ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว คาดวางตลาด ปี พ.ศ.2557

15.เครื่องพิมพ์งานมหัศจรรย์ (The MakerBot Replicator 2)
ราคา 18,000 บาท – 90,000 บาท




พรินเตอร์ รุ่น “The MakerBot Replicator 2” ของ บริษัท เมกเกอร์บอต สหรัฐอเมริกา ความสามารถของเครื่องนี้ คือ การพิมพ์งานออกมาในแบบ 3 มิติ เช่นถ้าเราออกแบบ "รถ" เครื่องก็สามารถพิมพ์แบบจำลอง "รถ" จริง ๆ แบบ 3 มิติออกมาได้เลย

16.แบ็กซ์เตอร์ หุ่นยนต์กรรมกร (Baxter)
ราคา 6.6 แสนบาท – 22.5 ล้านบาท



หากสังเกตหุ่นยนต์หรือเครื่องจักรกลในโรงงานงานอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่เราจะพบว่ามีขนาดใหญ่โต ดูไม่น่ามอง ไม่น่ารัก แต่สำหรับหุ่นยนต์ราคาประหยัด "แบ็กซ์เตอร์" กลับต่างออกไป โดยเจ้าแบ็กซ์เตอร์ได้รับการออกแบบโดย "ร็อดนีย์ บรูกส์" ผู้คิดค้นหุ่นยนต์ชื่อดังของอเมริกา โดยเจ้าแบ็กซ์เตอร์ติดตั้งหน้าจอแสดงภาพ "ใบหน้าหุ่นยนต์ยิ้มแย้มน่ารัก" ออกแบบเพื่อทำงานซ้ำ ๆ ประเภทแพ็กของ หรือ คัดแยกของ

17.เครื่องบินบังคับวิทยุพร้อมรบ (The Switchblade Drone)
ราคา 1.2 ล้านบาท – 45 ล้านบาท

 
 
มีขนาดยาว 2 ฟุต หนักเพียง 2.7 กิโลกรัม โดรนเป็นเครื่องบินกองหนุนทางอากาศส่วนตัวของทหารอเมริกัน โดยเมื่อปล่อยมันขึ้นไปแล้ว สามารถบังคับให้พุ่งเข้าไปชนกับเป้าหมาย เพื่อจุดระเบิดที่ฝังอยู่ตรงส่วนหัวของโดรน

18.รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เทสลา โมเดล เอส (The Tesla Model S)
ราคา 6.6 แสนบาท – 22.5 ล้านบาท

 

 
ค่ายรถชื่อดังอย่างจากัวร์ได้ผลิตรถยนต์ระบบพลังงานไฟฟ้า ในรุ่น “เทสลา โมเดล เอส” เมื่อเติมไฟ 1 ครั้งมันสามารถวิ่งได้ไกลถึง 265 ไมล์ หรือ 426 กิโลเมตร สั่งการด้วยระบบสัมผัส เสริมด้วยระบบจีพีเอสเพื่อปรับช่วงล่างให้พร้อมวิ่งบนทุกพื้นผิวถนน

19.ชุดมนุษย์อวกาศของนาซา (NASA’s Z-1 Space Suit)
ราคา 30 ล้านบาท – 75 ล้านบาท
 
 

 
สำนักงานบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือ "นาซา" ได้สร้างชุดมนุษย์อวกาศรุ่น "Z-1 Space Suit" มีคุณสมบัติเด่น คือ ข้อต่อของชุดยืดหยุ่นมากขึ้น ชุดป้องกันรังสีได้นานขึ้น เพื่อให้เหมาะกับภารกิจการสำรวจห้วงอวกาศในจักรวาลได้ดีขึ้น และไม่ต้องกังวลกับฝุ่นละอองในห้วงอวกาศอีกต่อไป

20.เรือดำน้ำลึก (The Deepsea Challenger Submarine)
ราคา 30 ล้านบาท – 75 พันล้านบาท

 
 

เรือดำน้ำลึก "ดีพ-ซี ชาลเลนเจอร์ ซับมารีน" คิดค้นโดย "เจมส์ คาเมรอน" ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง โดยเรือดำน้ำรุ่นนี้หนัก 10 ตัน ยาว 7.3 เมตร ดำลึกลงไปในมหาสมุทรห่างจากผิวน้ำ 11 กิโล เมตร ทนแรงดันได้ 1,000 เท่า ทั้งยังติดตั้งกล้องบันทึกภาพระบบ 3 มิติไว้ รวมถึงโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นแกนตั้งทำให้ดำลงไปในห้วงมหาสมุทรได้ดีขึ้น

21.อาคารบาฮาร์ เมืองอาบู ดาบี (Bahar Towers)
ราคา 30 ล้านบาท – 75 พันล้านบาท

 
 

อาคารบาฮาร์ เมืองอาบู ดาบี ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน ตึกระฟ้ ที่ออกแบบได้สวยงามและเกิดจากแนวคิดการก่อสร้างดีที่สุดในปี พ.ศ.2555 จุดเด่นคือโครงสร้างกระจกกันแสง รอบนอกตัวอาคารที่ควบคุมการทำงานโดยคอมพิวเตอร์ สามารถเปิด-ปิดตามทิศทางของแสงอาทิย์ เพื่อลดความร้อนที่เข้ามาภายในอาคาร รวมถึงช่วยคายความร้อนออกจากตึกได้ถึง 50% เนื่องจากสภาพอกาศที่ร้อนของเมือง อาบู ดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่บางวันมีอุณภูมิสูงถึง 38 องศาเซลเซียส
 
อาคารหลังนี้จึงถือเป็นความท้าทายของสถาปนิกในการออกแบบ นอกจากนี้อาคาร์บาฮาร์ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึงปีละประมาณ 1,750 ตันต่อปี
 
22.หุ่นยนต์อยากรู้อยากเห็น (The Curiosity Rover)
ราคา 30 ล้านบาท – 75 พันล้านบาท

 


หุ่นยนต์ "คิวริออสซิตี้" เป็นหุ่นยนต์สำรวจดาวอังคารของนาซา มันถูกส่งไปอยู่บนดาวอังคารเมื่อ เดือน สิงหาคม พ.ศ.2555 มีขนาดพอ ๆ กับรถเอสยูวี 1 คัน หนัก 10 ตัน ขนเอาอุปกรณ์สำรวจทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากไปเก็บข้อมูลต่างๆ บนดาวอังคารเป็นระยะเวลา 2 ปี และมันยังมีหนต้าที่สำรวจดูด้วยว่ามีสัญญาณสิ่งมีชีวิตบนดาวแดงดวงนี้หรือไม่

วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การเดินออกกำลังที่ผิดวิธี



การ เดินเป็นเรื่องง่าย ๆ แค่วางเท้าข้างหนึ่งไว้ข้างหน้าอีกข้างหนึ่ง แค่นั้นใช่หรือไม่?...ตอบได้ว่าทั้งใช่และไม่ใช่ แต่คุณจะได้ประโยชน์จากการเดินได้มากที่สุด หากแก้ไขข้อผิดพลาดที่จะกล่าวดังต่อไปนี้
วิธีที่ คุณวางเท้า แกว่งแขน และตำแหน่งของศีรษะ ล้วนอาจทำให้โปรแกรมการเดินของคุณมีประโยชน์หรือไม่ก็ไร้ค่าไปได้ในทันที เคน แมทส์สัน คัชทางฟิตเนส และการเดินแข่งขัน ระบุว่า ทั้งการแกว่งแขนมากเกินไป การก้าวยาว ๆ และการกระแทกเท้าระหว่างเดินก็เป็น "การเคลื่อนไหวที่ผิด" ด้วยเช่นกัน

ข้อ ผิดพลาดเหล่านี้ทำให้คุณเดินช้าลง และเป็นบ่อเกิดการบาดเจ็บ อย่างเช่น กล้ามเนื้อหน้าแข้งอักเสบ (shin splints) ต่อไปนี้จะเป็นคำแนะนำจากแมทส์สันและโค้ชสอนการเดิน เพื่อให้คุณเดินออกกำลังกายได้อย่างปลอดภัย
1. เดินตัวโค้งงอ
บอน นี่ สไตน์ โค้ชกีฬาเดินเร็วกล่าวว่า "นักเดินหลายคนบาดเจ็บขึ้นมา เพราะเขาไม่เดินให้ลำตัวเหยียดตรง" ปัญหาในการวางบุคลิกภาพท่าทางที่สำคัญที่สุดสองอย่างก็คือ การเดินโดยโค้งตัวให้ศีรษะห้อยไปด้านหน้า หรือไม่ก็แหงนไปข้างหลัง สไตน์กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน การที่ร่างกายไม่อยู่ในท่าตั้งตรงจะทำให้ร่างกายเสียสมดุล ทำให้หลังส่วนล่างเกิดความเครียด ผลก็คือทำให้เกิดความเจ็บปวด
การแก้ไข : จัดแต่งกระดูกสันหลังการ ทำให้ร่างกายและศีรษะตั้งตรงจะทำให้คอและกระดูกสันหลังอยู่ในแนวตรง อย่าเก็บคางเอาไว้ที่คอ ให้มองไปยังข้างหน้า (ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้มองไปข้างหน้าในระยะระหว่าง 3 ถึง 9 เมตร) นอกจากนี้ ให้แขม่วท้อง ลำตัวตั้งตรงและผ่อนคลายหัวไหล่ วิธีหนึ่งที่จะตรวจสอบตัวเองได้ก็โดยการหายใจลึก ๆ ทุก ๆ ห้านาที แล้วหายใจออกแรง ๆ ถ้ารู้สึกว่าหัวไหล่ของคุณตกลงมา นั่นแหละคือท่าทางที่ควรเป็นเวลาเดิน
2. แกว่งแขนมากเกินไป
แมทส์ สัน กล่าวว่า แน่นอนที่แขนของคุณควรจะแกว่งเวลาเดิน แต่หากแขนแกว่งออกข้างในไปข้างนอก คุณกำลังส่งพลังออกไปด้านข้างแทนที่จะส่งไปในแนวที่เดิน "อีกอย่างหนึ่ง หากคุณแกว่งแขนสูงไปด้านหน้า คุณก็ส่งพลังงานขึ้นด้านบนแทนที่จะไปข้างหน้า" ซึ่งนี่ทำให้ร่างกายเสียสมดุลและทำให้เดินได้ช้าลงด้วย
การแก้ไข : คอยรักษาข้อศอกให้อยู่ใกล้ลำตัวสไตน์ แนะนำให้งอแขนราว 90 องศาและเก็บข้อศอกไว้ใกล้ข้างตัว จะทำให้แขนแกว่งไปข้างหลัง ไม่แกว่งออกข้าง ๆ แล้วอย่าแกว่งมือให้สูงเลยไปกว่าระดับหน้าอก
3. ก้าวยาวเกินไป
การ ก้าวเท้ายาวเกินไปที่จริงแล้วจะทำให้คุณเดินช้าลง เพราะการยื่นส้นเท้าออกไปข้างหน้ามากเกินไป ทำให้ไม่สามารถสร้างแรงเคลื่อนตัวไปข้างหน้าได้ และเมื่อเวลายื่นเท้าออกไปข้างหน้ามาก ๆ มันก็จะทำหน้าที่คล้ายกับเบรก คือคุณจะย้ายน้ำหนักตัวจากส้นเท้าไปยังปลายเท้าได้ยากขึ้น ทำให้สูญเสียพลังในการเดินไปข้างหน้า
การแก้ไข : วัดระยะก้าวที่เหมาะสมสไต น์ แนะนำว่า เพื่อที่จะหาว่าคุณควรจะก้าวเท้าให้ยาวแค่ไหน ให้ยืนตัวตรง และยื่นเท้าข้างออกไปข้างหน้าไม่ต้องมากนั กโดยให้ส้นเท้าเกือบจะลอยจากพื้น เริ่มย้ายน้ำหนักตัวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ส้นเท้าที่ยื่นออกไปนั้นจะลดลงมาแตะพื้นและหยุดตัวคุณ นั่นแหละคือตำแหน่งที่เท้าหน้าควรจะอยู่
4. กระทืบเท้าลงบนพื้นเวลาเดิน
ลอง ฟังเสียงเดินของคุณดูว่า มันดังเสียจนปลุกเพื่อนบ้านให้ตื่นได้หรือเปล่า ถ้ารู้สึกอย่างนั้นก็หมายความว่า คุณกำลังเพิ่มความเครียดให้กับเท้าและขาทั้งสองข้าง
การแก้ไข : วางเท้าให้เบาลงเวลา ก้าวเดินไปข้างหน้า ส้นเท้าควรจะวางลงบนพื้นอย่างแผ่วเบาก่อนที่เท้าจะวางตามลงไป แล้วทำให้คุณสามารถผลักตัวเองไปข้างหน้าต่อไปด้วยปลายเท้า แมทส์สั กล่าวว่า "จำเอาไว้ว่า หากคุณกำลังเดินแบบกระทืบเท้า นั่นแปลว่าคุณไม่ได้เอาพลังไปขับเคลื่อนให้ไปข้างหน้าไม่เพียงพอ จะเป็นการขัดขวางแรงโมเมนตั้มของการเคลื่อนที่"
5. มือถือของมีน้ำหนัก
ด็อกเตอร์ แมริลินบาค, Ph.D. โค้ชกีฬาเดินเร็วและเป็นผู้ร่วมแต่งหนังสือ Shape-Walking : Six Easy Steps to Your Best Body กล่าวว่า สิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเชื่อทั่วไป คือการเดินโดยให้มือถือน้ำหนักถ่วงอยู่ไม่ได้ทำให้การบริหารนั้นหนักขึ้น การศึกษาบางครั้งแสดงให้เห็นว่า นักเดินจะเดินได้ช้าลงเมื่อในมือถือของมีน้ำหนัก และเสี่ยงที่จะบาดเจ็บที่ไหล่และท้องแขนจากการเหวี่ยงแขนโดยไม่สามารถควบคุม ได้
การแก้ไข : บริหารยกน้ำหนักเวลาอื่น ไม่ใช่ตอนที่เดินบา ค กล่าวว่า ให้ทำอย่างเหมาะสม การยกน้ำหนักทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ทำให้คุณเดินได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และช่วยป้องกันไม่ให้บาดเจ็บ แต่จะให้ดีก็ควรจะบริหารยกน้ำหนักที่บ้าน หรือไม่ก็ที่โรงยิม หากต้องการเพิ่มน้ำหนักเข้าไปในขณะเดินเพื่อเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและสร้าง กระดูก วิธีที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดก็คือ ให้ใส่น้ำหนักไว้ในเป้หลัง หรือสวมเสื้อถ่วงน้ำหนัก (weighted vest)
6.ไม่มีการอุ่นเครื่องเสียก่อน
แน่ นอนที่การตรงเข้าทำการบริหารร่างกายทันทีเป็นการประหยัดเวลา แต่อีกไม่นานคุณก็ต้องรับผลจากการกระทำเช่นนี้ เจค เจค็อปเช่น ผู้แต่งหนังสือชื่อ Healthwalk to Fitness บอกว่า การเริ่มต้นอย่างรวดเร็วเกินไป รังแต่จะทำให้เพิ่มโอกาสที่จะล้มเหลวก่อนที่จะได้ประโยชน์ใด ๆ จากการเดินเต็มที่ แล้วยังทำให้คุณเจ็บปวดกล้ามเนื้อและง่ายต่อการได้รับบาดเจ็บ
การแก้ไข : ค่อย ๆ เริ่มอย่างช้า ๆเจ ค็อปสันกล่าวว่า ให้ใช้เวลาห้านาที แรกเริ่มเดินช้า ๆ เสียก่อน จะช่วยให้โลหิตไหลไปตามกล้ามเนื้อขาได้มากขึ้นและเป็นการวอร์มอัพ ซึ่งสำคัญมากในการป้องกันการบาดเจ็บ พอร่างกายอุ่นขึ้นแล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มความเร็วขึ้น
7. ไม่มีการผ่อนก่อนหยุด
การ ไม่ค่อย ๆ ผ่อนก่อนหยุดบริหาร และไม่ทำการบริหารยืดหยุ่นหลังการออกกำลังกายจะทำให้รู้สึกเฉื่อยชาไปชั่ว คราวและทำให้สูญเสียความยืดหยุ่นของร่างกาย
การแก้ไข : ค่อย ๆ เดินให้ช้าลงก่อนหยุดเดินใช้ เวลา 5 ถึง 10 นาทีก่อนจะหยุดเดินด้วยการกลับมาเดินให้ช้าลงเสียก่อน สไตน์ กล่าวว่า "เมื่อใดก็ตามที่คุณเดินมาหนักพอที่จะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจแล้ว เราก็จำเป็นต้องปล่อยให้ร่างกายค่อย ๆ เย็นลงอย่างช้า ๆ" หากคุณหยุดทันที โลหิตส่วนเกินทั้งหมดที่สูบฉีดไปที่กล้ามเนื้อขาจะกองกันอยู่ตรงนั้น ทำให้รู้สึกวิงเวียนและรู้สึกร้อนมากเกินไป

บาค เพิ่มเติมว่า ให้ค่อย ๆ ทำให้ร่างกายเย็นลงและตามด้วยการยืดกล้ามเนื้อง่าย ๆ กล้ามเนื้อจะได้ไม่ติดขัดและแข็ง ให้อ่านในกรอบ "ค่อย ๆ ผ่อนคลาย"
ค่อย ๆ ผ่อนคลาย
ให้ยืดกล้ามเนื้อและทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงด้วยวิธีต่อไปนี้

ยืดกล้ามเนื้อขา ยืนให้หลังตรงแขนทั้งสองห้อยข้างลำตัว แยกเท้าให้กว้างเท่ากับหัวไหล่ ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว กดขาขวาตามลงไปและยกปลายเท้าขึ้นมา ค้างเอาไว้สัก 10 วินาที จากนั้นผ่อนคลายและยืดอีกครั้ง คราวนี้ค้างไว้ 30 วินาที ทำซ้ำแบบเดียวกันกับขาซ้าย
ยืดเท้าและน่อง ยืนตรงโดยให้แขนสองข้างแนบข้างตัว ยกปลายเท้าขวาขึ้นมาจากพื้น ค้างไว้โดยนับถึงสอง แล้วค่อย ๆ วางกลับลงมา ทำแบบเดียวกันกับขาซ้าย
หมุนส้นเท้า นั่งลงโดยให้ข้อเท้าซ้ายวางลงบนเข่าขวา จับข้อเท้าซ้ายและส้นเท้าด้วยมือข้างหนึ่งแล้วใช้มืออีกข้างจับเท้าซ้ายและ นิ้วเท้า ดึงนิ้วเท้าไปทางฝ่าเท้า ค้างเอาไว้ 30 วินาที จากนั้นผ่อนคลายลง ทำซ้ำเช่นนี้กับขาขวา
ผ่อนคลายแผ่นหลัง นอนคว่ำหน้าลงโดยวางแขนไว้ข้างตัว ยกศีรษะขึ้น และยกคางขึ้นเหนือพื้น แอ่นหลังให้หน้าอกยกพ้นพื้นโดยใช้การนับให้ถึงสอง ยกค้างไว้แล้วนับไปอีกสอง ค่อย ๆ ลดหน้าอกลงบนพื้นโดยนับสองเช่นกัน พอทำไปเรื่อย ๆ ก็ทำโดยนับให้นานขึ้นโดยนับให้เป็นสี่

ครอบครัวเล็กๆที่อาศัยท่อน้ำทิ้งมานาน 22 ปี




มิ เกล เรสทริโป อดีตขี้ยาที่หันหลังโบกมือลายาเสพติดธุรกิจผิดกฏหมายในเมืองมีเดวลิน เขากับมาเรีย การ์เซีย ภรรยาของเขาปรับปรุงท่อน้ำทิ้งให้กลายเป็นบ้านเล็กๆที่เขาอาศัยร่วมกันมา 22 ปีกับ แบล็คกี้ สุนัขอีก 1 ตัว แม้จะมีพื้นที่เล็กๆกว้าง 3 เมตร ยาว 2 เมตร สูงเพียงแค่ 1.4 เมตร แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างเหมือนกับบ้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องครัว เตียง พัดลม หรือแม้แต่โทรทัศน์ เพียงเท่านี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่ามันเพียงพอสำหรับครอบครัวเล็กๆของ เขา

แม้ว่าตอน นี้ครอบครัวของเขาสามารถใช้ชีวิตถูกกฏหมายเหมือนคนทั่วไป และรัฐบาลพยายามบังคับให้เขาออกจากท่อน้ำทิ้งเสียเพราะมันเป็นของสาธารณะ แต่พวกเขาก็พอใจที่จะอยู่ที่นี่จนผ่านมา 22 ปีแล้ว













Schengen Agreement

ความตกลงเชงเกน (อังกฤษ: Schengen Agreement) เป็นความตกลงระหว่างประเทศส่วนใหญ่ในทวีปยุโรปอัน ให้สัตยาบันเมื่อ พ.ศ. 2528 สาระสำคัญเป็นการอนุญาตให้สมาชิกในกลุ่มสามารถเดินทางระหว่างกันโดยไม่ต้อง ถือหนังสือเดินทาง ข้อตกลงนี้มีผลต่อประชากร 4,000,000 คนใน 24 ประเทศ (21 ธันวาคม พ.ศ. 2550) ครอบคลุมเนื้อที่ 4,268,633 ตารางกิโลเมตร (1,648,128 ตารางไมล์) นอกจากนั้นยังให้การอนุญาตชั่วคราวกับผู้ถือใบอนุญาตเชงเกน (Schengen Visa) มีสิทธิในการเดินทางได้ชั่วคราวในประเทศสมาชิกโดยถือใบอนุญาตใบเดียว ตามสนธิสัญญาอัมส์เตอร์ดัม (Treaty of Amsterdam) ข้อตกลงและตัดสินใจทุกข้อของความตกลงเชงเกนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายของสหภาพยุโรป
ประเทศที่ลงนามในความตกลงฉบับนี้มีด้วยกัน 30 ประเทศรวมทั้งประเทศในสหภาพยุโรปทุกประเทศ และประเทศนอกสหภาพอีก 3 ประเทศคือ ประเทศไอซ์แลนด์ ประเทศนอร์เวย์ และประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ปัจจุบันมี 26 ประเทศที่ใช้ความตกลงนี้ สหราชอาณาจักรยังมิได้ใช่กฏนี้ หลังจากที่มีการปฏิบัติข้อตกลงนี้ด่านหรือป้อมตรวจคนเข้าเมืองของประเทศที่อยู่ในเครือเชงเกนก็ถูกรื้อทิ้ง


ประเทศที่อนุญาตให้ประชาชนในกลุ่มเชงเกนสามารถเดินทางระหว่างกันโดยไม่ ต้องถือหนังสือเดินทาง และประชาชนจากประเทศนอกกลุ่มเชงเกนเดินทางระหว่างประเทศเชงเกนได้โดยใช้ใบ อนุญาตเพียงใบเดียว - ใบอนุญาตเชงเกน (Schengen Visa) ประเทศสมาชิกทั้งหมดหลังจากการเข้าร่วมเพิ่มในเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2551 ประกอบด้วย
แผนที่แสดงการเข้าร่วมข้อตกลงเชงเกน สีฟ้าคือประเทศที่ประกาศใช้แล้ว สีเขียวคือประเทศที่เตรียมเข้าร่วม
  • ประเทศเบลเยียม
  • ประเทศฝรั่งเศส
  • ประเทศอิตาลี
  • ประเทศลักเซมเบิร์ก
  • ประเทศเนเธอร์แลนด์
  • ประเทศเดนมาร์ก
  • ประเทศกรีซ
  • ประเทศโปรตุเกส
  • ประเทศสเปน
  • ประเทศเยอรมนี
  • ประเทศออสเตรีย
  • ประเทศฟินแลนด์
  • ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
  • ประเทศสวีเดน
  • ประเทศนอร์เวย์
  • ประเทศไอซ์แลนด์
  • ประเทศมอลตา
  • สาธารณรัฐเช็ก
  • ประเทศเอสโตเนีย
  • ประเทศฮังการี
  • ประเทศโปแลนด์
  • ประเทศสโลวาเกีย
  • ประเทศสโลวีเนีย
  • ประเทศลัตเวีย
  • ประเทศลิทัวเนีย
  • ประเทศโมนาโก
ประเทศไซปรัส เลื่อนการอนุญาตไปหนึ่งปี ประเทศบัลแกเรีย และ ประเทศโรมาเนีย ยังอยู่ในการพิจารณา