Fête de La  Chandeleur
วัน Chandeleur นั้น  ว่ากันตามเรื่องก็เป็นการฉลองการแจ้งเกิด(ประสูติ)ของพระเยซูคริสต์  ที่บอกว่าการแจ้งเกิดนั้นก็เนื่องมาจากในสมัยนั้น ตาม la  loi de Moïse กำหนดให้ชาวยิวจะต้องนำบุตรที่เกิดใหม่ไปแสดงตัวต่อพระผู้เป็นเจ้าที่วัด  โดยในพิธีจะต้องมีการบูชายัญนกเขาหรือนกพิราบด้วย   ซึ่งปรากฏว่าพระมารดามารีและโยเซฟซึ่งเป็นชาวยิวได้นำพระเยซูไปที่วัดในวันที่ ๒  กุมภาพันธ์ หรือหลังจากประสูติแล้ว ๔๐ วันนั้นเอง   โดยตามประวัติบอกว่าในวันดังกล่าวเป็นวันที่พระแม่มารีได้พบกับนักบุญ Simeon  ซึ่งได้พยากรณ์ชะตาของพระเยซูว่าจะเป็นแสงสว่างแก่โลก...นอกจากนี้  ยังถือว่าวันนี้เป็นวัน "Purification de la Vierge" หรือวันไถ่บาปแก่พระแม่มารี(ตามบทความก็ตั้งข้อสงสัยไว้ว่า  ตามประวัติพระเจ้าได้ช่วยให้พระแม่มารีพ้นจากบาปพื้นฐาน( le  peché originel) แล้วเหตุใดถึงต้องมาไถ่บาปในครั้งนี้อีก) 
                 ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าวัน Chandeleur  เป็นวันที่มีความสัมพันธ์กับแสงสว่าง...ตามโบสถ์ก็จะมีการนำเทียนไขปลุกเสก(chandelles bénies)มาจุดแทนคบไฟ  โดยความเชื่อที่ว่าแสงสว่างจากเทียนปลุกเสกจะขับไล่ความชั่วร้าย พายุ  ความตาย  เป็นต้น  นอกจากนี้ยังเชื่อว่าจะทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ในฤดูเพาะปลูกที่จะมาถึงในไม่ ช้านี้.....และคริสต์ศาสนิกชนได้มีนำเทียนไขมาจุดในบ้านเรือนเพื่อคุ้มครอง ตามความเชื่อดังกล่าว  พิธีการจุดเทียนไขได้ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันก็เพื่อระลึกถึงพระเยซูซึ่งเป็น แสงสว่างแห่งโลกมนุษย์...
             ...หลายคนอาจอ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็ยังงงว่า เอ....แล้วไปกินเครปกันได้ยังไง...มันเกี่ยวกันตรงไหน...  มันมีที่มาครับ....
             คำว่า "Chandeleur" มาจากคำภาษาละตินว่า "Candela"  ซึ่งแปลว่าแสงสว่าง...หรือที่ภาษาฝรั่งเศษใช้คำว่า "la chandelle"  ที่แปลว่าเทียนขี้ผึ้ง หรือแสงสว่างนั่นเอง..... ซึ่งก็เป็นการแทนคำว่า "Festa  candelarum" เป็น "fête des chandelles"
             ในสมัยโรมันได้มีการฉลองวันดังกล่าวกันในวันที่ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ของทุกปี  โดยบูชาต่อเทพเจ้า Lupercus หรือเทพหมาป่า  ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ โดยถือว่าเป็นวันแห่งการเจริญพันธุ์  เพราะเป็นวันเริ่มแห่งฤดูผสมพันธุ์นก(วันแห่งความรักของนก :  la saison des amours chez les oiseaux)
             ในส่วนของชาว Celtes(คนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ทางทิศ ตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมัน  (บางตำราบอกว่ากลุ่มชนดั้งเดิมที่อาศัยอยู่บนเกาะไอร์แลนด์))ซึ่งกลัวต่อ ความมืดและความหนาวเย็นก็จัดให้มีพิธีหลังจากวันสิ้นสุดฤดูหนาวในวันที่  ๑ กุมภาพันธ์ ของทุกปีเพื่อฉลองความเจริญสมบูรณ์เหมือนกัน 
             อย่างไรก็ดีเมื่อศาสนาคริสต์มีบทบาทในยุโรปมากขึ้นก็ได้มีการนำวัน  Chandeleur มาแทนที่วันบูชาเทพเจ้า Lupercus ของโรมัน  โดยอ้างว่าเป็นการแทนที่พิธีของพวกนอกศาสนาโดยศาสนพิธี  โดยเลือกเอาวันเฉลิมฉลองหลังจากที่พระเยซูประสูติแล้ว ๔๐ วัน...(วันที่ไปทำพิธีที่วัดตามที่กล่าวแล้วข้างต้น)
            ส่วนประเพณีการกินเครปในวันนี้ก็เกิดจากสันตปาปา Gélase ที่ ๑เป็นคนริเริ่มขึ้นในคริสตศตวรรษที่  ๕นำเครปมาเลี้ยงฉลองแก่ผู้แสวงบุญที่กรุงโรมนั่นเอง  ทั้งนี้เพราะ รูปร่างและสี  ของเครปเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ขึ้นหลังจากคืนสุดท้ายของหน้าหนาว...และนอก จากนี้แป้งที่ใช้ทำเครปก็ทำมาจากแป้งสาลีที่มีคุณภาพ  ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นที่ดี...
พิธีการทำเครป
            ใครว่าฝรั่งไม่งมงาย....มาถึงตรงนี้อาจต้องลองคิดดูอีกรอบ...เพราะ  ในวัน Chandeleur นี้ ฝรั่งเขาจะทำเครปกินกัน  โดยในการทำจะใช้กะทะทำเครปแบบโบราณไม่ใช่ใช้เตาแบบที่เห็นกันตามร้านหรือที่สยามบ้านเรา....
             เหตุที่ต้องใช้กะทะก็เพราะว่าตอนทำเครปจะต้องกำเงินเหรียญไว้ในมือแล้วโยนกลับด้านเครป...ถ้าไม่หล่นก็จะทำให้มีความอุดมสมบูรณ์  เจริญเฟื่องฟูไปตลอดปี หรือมีความสุขสมหวังไปจนถึงวัน Chandeleur  ในครั้งหน้า....
             นอกจากนี้ ฝรั่งยังมีความเชื่อที่ว่าให้โยนเครปแผ่นแรกที่ทำเข้าไปในตู้จะทำให้อุดมสมบูรณ์  และไม่มีเชื้อรา....อันนี้ใครจะไปลองก็ไม่ห้ามนะ แต่ไม่รับรองผล...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น