วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

9 เรื่องแปลกเมืองไทยที่ฝรั่งต้องอึ้ง!!!

9 เรื่องแปลกเมืองไทยที่ฝรั่งต้องอึ้ง!!!
































http://www.munzzz.com/data/content/86/data/bemortuz1689.jpg
1. ประเทศไทย…ทำไมมีสรรพนาม เรียกแทน ตัวเองและฝ่ายตรงข้ามมากมายหลายคำ ?

ถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็จะมีแค่ I กับ You ถ้าเป็นภาษาจีน ก็มี หว่อกับ หนี่ แต่ภาษาไทยนี่มีเยอะมากกกก ตั้งแต่ ฉัน-เธอ , เรา-แก , ข้า-เอ็ง ,ผม-คุณ , เดี๊ยน-หล่อน และอีก สารพัด เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ต่างๆถ้าคุยกับพ่อแม่อาจจะเรียกตัวเองว่า หนูถ้าคุยกับน้องสาวอาจจะเรียกตัวเองว่าฉัน แต่พอไปคุยกับเพื่อนอาจเรียกตัวเองว่าเรา เอ๊ะ นั่นน่ะสิ ทำไมคนไทยถึงมีสรรพนามเรียกแทนตัวเองและคนอื่นเยอะขนาดนี้นะ ? น่าสงสัยเหมือนกันนะ !
2. ประเทศไทย …. ทำไมเมืองหลวงชื่อยาวมาก ?

ชาว ต่างชาติมักรู้จักกรุงเทพฯ ในนาม Bangkok แต่ถ้าใครได้รู้ชื่อเมืองหลวงเต็มๆ ของกรุงเทพฯ รับรองว่าอึ้งทุกราย ก็ชื่อเมืองหลวง เต็มๆของกรุงเทพฯ เค้ามีชื่อว่า “กรุงเทพมหานคร อมรรัตน โกสินทร์ มหินทรายุธยามหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์ มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิตสักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์” ว่าแต่น้องๆ ท่องกันได้รึเปล่าล่ะ ?
3. ประเทศไทย …. ทำไมคนไทยนามสกุลยาวจัง ?

ในขณะที่ชาวต่างชาติเค้า นามสกุลสั้นๆ แค่ 2-3 พยางค์บางชาติก็แค่พยางค์เดียว แต่คนไทยส่วนมากนามสกุลย๊าวยาว บางคนยาวกว่า 8-9พยางค์ บางคนยาวเป็น 10 พยางค์ก็มี เวลากรอกเอกสารสำคัญๆเรียกว่าเขียนเกินหน้ากระดาษกันเลยทีเดียว
4. ประเทศไทย …. ทำไมคนไทยชอบ พิมพ์ 5555 ?

ก็เพราะว่าเลข 5 ในภาษาไทยออกเสียงว่า ‘ห้า’ หรือ พ้องไปเป็น‘ฮ่า’ ดังนั้นเวลาพิมพ์หรือแชทกัน แล้วรู้สึก ตลกหรือขำ ก็จะพิมพ์แทน
‘ฮ่าฮ่าฮ่า’ ว่า ’555′ บาง คนเผลอเอาไปพิมพ์แชทกับเพื่อน ต่างชาติรับรองว่า ฝรั่งงงทุกรายแน่ๆ 555 ไปๆ มาๆ เพื่อนต่างชาติของ เราดันติดเอาไปใช้คุยกับคนอื่นต่ออีกแน่ะ 555 อ้อแต่บางทีคนไทยด้วยกันเองก็มีงงบ้าง เช่น ค่ารถ เท่าไรอะ
55 จะขำทำไม เปล่า เฟ้ย หมายถึงค่ารถ 55 บาท
5. ประเทศไทย …. ทำไมอะไรๆ ก็ตีเป็นเลขได้ ?

อู้ ยยย อย่าว่าแต่ฝรั่งเลยที่แปลกใจคนไทยด้วยกันเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไม ทุกอย่างถึงสามารถตีเป็นเลขได้ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ (ต้นไม้ร้องไห้ มีน้ำไหลออกมาตลอดเวลา) สัตว์ (ควายแรกเกิดมี 2 หัว) ของกิน (แตงโมเผือก) และอะไรอีกสารพัดก็สามารถเอามาตีเป็นเลขได้ คนไทยนี่สุดยอดจริงๆ เลยนะเนี่ยอิอิ
6. ประเทศไทย …. ทำไมชื่อเล่นคนไทยถึงแปลกจัง ?

ก็ชื่อเล่นคนไทยมีทั้งชื่อสัตว์(แมว กวาง นก กระต่าย) ผลไม้(ส้มเปิ้ล มะปราง ชมพู่) ผัก(คะน้า แตงกวาต้นหอม ขิง) ขนม(วุ้น ปุยฝ้าย เค้กลูกกวาด) เครื่องประดับ (แก้ว แหวน สร้อย) เลข(หนึ่ง สอง สาม สี่)และอะไรอีกสารพัด เล่นเอาคนต่างชาติอึ้งว่าทำไมถึงตั้งชื่อกันอย่างนี้ มีเพื่อนคนนึงชื่อแตงกวาคุณเธอไปเรียนต่อที่เกาหลีเลยจัดแจงเปลี่ยนชื่อตัว เองเป็น ‘โออี’ (ภาษาเกาหลีแปลว่าแตงกวา) ตอนออกไปแนะนำตัวหน้าชั้นทั้งอาจารย์ทั้งเพื่อนขำกันยกใหญ่ว่าคนอะไรชื่อแตง กวา หารู้ไม่ว่าเมืองไทยชื่อแตงกวาออกจะน่ารัก ก็แหมมีใครเคยเจอชาวต่างชาติชื่อ cucumber rabbit necklace อะไรอย่างนี้มั้ยล่ะ?ไม่มี๊ไม่มีมีแต่คนไทยเท่านั้นแหละที่สามารถเอาสิ่งรอบ ตัวมาตั้งเป็นชื่อเล่นได้ !สุดยอดปะล่ะ !
7. ประเทศไทย …. ทำไม….ไหว้อะไรกันที่หน้า บ้าน ?

นั่นก็หมายถึงศาล พระภูมิเองล่ะค่ะ ฝรั่งบางคน (หรือแทบทุกคน) ได้เห็นแล้วต้องเป็นงงว่า ‘นี่คืออะไร บ้านนกเหรอ?’ แล้วทำไมต้องจุดธูปกับเอาของกินมาถวายบ้านนกด้วยล่ะ ? ดังนั้นก็ต้องอธิบายกันซะยืดยาวว่าจริงๆ แล้วนั่นคือศาลพระภูมิที่เชื่อกันว่าเป็นที่สิงสถิตย์ของเจ้าที่ที่คอยคุ้ม ครอง แต่แหม พี่ฝรั่งบางคนนึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรไม่ทราบ ดันซื้อกลับประเทศไปซะหลายหลัง – -”อย่างนักบอลชื่อดังเดวิด เบคแฮม ก็เป็นอีกรายที่ซื้อศาลพระภูมิกลับประเทศไปตรึม
8. ประเทศไทย …. ทำไมต้องยืนตรงก่อนหนังฉายในโรงหนัง ?

รับรองเถอะค่ะร้อยทั้งร้อยของชาวต่างชาติที่มีโอกาสได้เข้าไปในโรงหนังของบ้านเรา ต้องสงสัยทุกรายว่าทำไมต้องยืนตรงก่อนหนังฉาย
ยังไงก็อย่าลืมอธิบายให้เค้าฟังด้วยนะคะว่า ‘ต้องยืนตรงทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมี’ (ไม่ว่าจะอยู่ในโรงหนังหรือไม่ก็ตาม)เพื่อเป็นการแสดงความเคารพถึงพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทยนั่น เองค่ะ ….. เชื่อมั้ยคะว่าชาวต่างชาติบางคนรู้สึกขนลุกและประทับใจต่อเพลงสรรเสริญฯ มากบางคนมาเมืองไทยทีไร ต้องหาเวลาเข้าโรงหนัง ไม่ได้เข้าไปดูหนังหรอกนะคะแต่เข้าไปยืนตรงแล้วฟังเพลง
9. ประเทศไทย …. ทำไมคนไทยต้องติดรูปนี้ไว้บนฝาบ้าน ?

นั่นก็คือพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั่นเองค่ะซึ่งเป็น รูปที่คนไทยต้องมีกันทุกบ้านไม่ว่าจะอยู่ที่มุมไหนของประเทศไทยคนไทยบาง คน(โดยเฉพาะในเมืองนอก)ถึงกับพกพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ติดกระเป๋าสตางค์ พอฝรั่งเห็นเข้าก็แปลกใจว่า เอ๊ะ พกรูปใครมาน่ะ Do you know him personally (รู้จักเค้าเป็นการส่วนตัวเหรอ) ?เราไม่ได้รู้จักท่านเป็นการส่วนตัวแต่ท่านคือพ่อของคนไทยทุกคนที่พวกเรา ทั้งรักและจงรักภักดีต่างหาก….

10 เรื่อง(น่าเศร้า)ที่ฝรั่งเข้าใจเมืองไทยผิด

ถ้าพูดถึงในระดับโลกแล้ว ประเทศไทยของเราเรียกได้ว่ามีชื่อเสียงพอสมควร โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว ^^ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ น้องๆ เชื่อมั้ยว่ายังมีชาวต่างชาติบางคนรู้จักชื่อประเทศไทยแต่กลับยังมีความเข้า ใจผิดๆ เกี่ยวกับประเทศของเราอยู่ ว่าแต่มีเรื่องอะไรบ้างนะที่ชาวต่างชาติเข้าใจเมืองไทยผิด ??? ขอบอกก่อนว่า ต้องทำใจก่อนอ่านด้วยล่ะ เพราะเลือดรักชาติอาจพุ่งพล่านได้ !!!
 

1. เข้าใจว่าประเทศไทยคือไต้หวัน  
อัน นี้เป็นอะไรที่ได้ยินบ่อยมากกกก อาจจะเพราะว่าออกเสียงคล้ายๆ กัน (ไทยๆ ไต้ๆ) เลยเกิดเป็นความเข้าใจผิด ว่าประเทศไทยคือไต้หวัน (น่าน้อยใจมาก)

A : Where are you from?
B : Thailand.
A : Wowww ! so can you speak chinese fluently?
B : ……
เจอประโยคสนทนาแบบนี้ B คงอึ้งไปเลย ไทยแลนด์นะจ๊ะไม่ใช่ไต้หวัน แล้ว A มันจะว้าวววทำไมเนี่ย …

2. เข้าใจว่าคนไทยยังขี่ช้างไปไหนมาไหนกันอยู่  
อย่าง ที่รู้ๆ ว่าช้างเป็นสัตว์ประจำบ้านเมืองของไทย ดังนั้นในพวกสารคดีต่างๆ มักจะนำเสนอถึงช้างบ่อยมากๆ ส่วนมากก็เป็นภาพควาญช้างตามต่างจังหวัด ดังนั้นเมื่อชาวต่างชาติได้ดูสารคดีพวกนั้น ก็จะเหมารวมว่าคนไทยยังใช้ช้างเป็นพาหนะในการไปไหนมาไหนกันอยู่ และนอกจากช้างแล้ว บางคนยังคิดว่าขี่ม้าขี่หมูอีก (ไปกันใหญ่ละนะเนี่ย) แต่พอมาถึงกรุงเทพฯ เห็นรถไฟฟ้า เห็นตึกสูงเสียดฟ้า ต่างก็อะเมซิ่งไทยแลนด์กันทุกราย หุหุ

3. เข้าใจว่าเมืองไทยเป็นเมืองขึ้นของประเทศตะวันตก
เพราะ เหล่าบรรดาประเทศเพื่อนบ้านของเราต่างก็เคยตกเป็นเมืองขึ้นของชาติ ตะวันตกมาก่อน เช่น ลาว เคยตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส มาเลเซีย เคยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ แต่ประเทศไทยกลับไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกเลย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยที่ได้ทรงใช้พระปรีชาสามารถใน การหาวิธีให้ประเทศของเรารอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของชาติอื่นค่ะ

4. เข้าใจว่าพัทยาและภูเก็ตคือทุกอย่างของประเทศไทย  
ไม่ เชื่อก็ต้องเชื่อว่าชาวต่างชาติบางคนไม่รู้จักกรุงเทพมหานคร แต่กลับรู้จักภูเก็ตและพัทยาเป็นอย่างดีเพราะเป็นที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่มี ชื่อเสียงมากๆ รวมถึงสถานที่เที่ยวกลางคืนที่ใครๆ ก็นิยมไป เห็นได้จากชาวต่างชาติบางคนนิยมนั่งเครื่องบินบินตรงไปยังภูเก็ตเลย หรือไม่ก็พอลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิปุ๊บ ก็บึ่งรถตรงไปพัทยาทันทีโดย ไม่แวะเข้ามาเที่ยวกรุงเทพฯ เลย (พลาดของดีซะแล้วเธอ)


5. เข้าใจว่าคนไทยจนมากๆๆๆ  
ถ้า หากใครมีโอกาสได้เปิดดูพวกสารคดีวิถีชีวิตคนไทย จะเห็นได้เลยว่ามักจะนำเสนอชีวิตชาวบ้านในต่างจังหวัดที่ใช้ชีวิตกันค่อน ข้างลำบาก เช่น ข้ามเขาสามลูกไปหาบน้ำ พายเรือไปเก็บผักมาขาย ดังนั้นทำให้ชาวต่างชาติดูแล้วเหมารวมอีกเช่นเคยว่าคนไทยนี่จนมากๆ ซึ่งความเชื่อข้อนี้อาจจะไม่ถูกนักแต่ก็ไม่ผิดไปซะทีเดียว เพราะยังไงประเทศไทยก็มีคนจนมากกว่าคนรวยอยู่แล้วล่ะเนาะ

6. เข้าใจว่าคนไทยนิยมใช้ไสยศาสตร์
ความ เชื่อนี้ก็มาจากพวกสารคดีวิถีชีวิตไทยอีกแล้วค่ะ  เพราะเล่นนำเสนอแต่ภาพการ เข้าทรงเอย ผีปอบเอยรำผีฟ้าเอย  จนทำให้ชาวต่างชาติเข้าใจว่าคนไทยนิยมเล่นของกัน ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมก็คือ บาง
ทีเค้าก็มองเรา เหมือนที่พวกเราบางคนมองประเทศเขมรว่าชอบเล่นของ อะไรทำนองนั้นอ่ะค่ะ

7. เข้าใจว่าผู้หญิงสวยๆ เป็นกระเทยหรือแปลงเพศมาแล้ว 
เป็น ผลพวงมาจากการที่ชาวต่างชาติเหล่านั้นได้ชมพวกโชว์ทิฟฟานี่ อัลคาซ่า หรืออะไรทั้งหลายแหล่ค่ะ ซึ่งแต่ละนางที่ขึ้นมาโชว์นั้นก็สวยทั้งเนียนซะเหลือเกิน สวยซะจนผู้หญิงแท้ๆ อย่างเราๆ อยากไปเกิดใหม่ = =”
เลยกลายเป็นเข้าใจว่าผู้หญิงไทยสวยๆ คือหญิงไม่แท้ซะอย่างนั้น

8. เข้าใจว่าผู้หญิงไทยเป็นผู้หญิงอย่างว่าทุกคน
คำว่า ‘ผู้หญิงอย่างว่า’ ใน ที่นี้คงไม่ต้องอธิบายกันนะคะ = =” ซึ่งอันนี้ก็คงจะโทษใครไม่ได้จริงๆ เพราะในมุมมองชาวต่างชาติบางคน ถ้าพูดถึงประเทศไทยปุ๊บ ความคิดที่แล่นเข้ามาก็คือเรื่องผู้หญิงอย่างว่านั่นเอง เพราะมีผู้หญิงไทยบางคนเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปทำอาชีพอย่างว่านั่นแหละ ค่ะ

9. เข้าใจว่าอาชีพผู้หญิงอย่างว่าเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมายในเมืองไทย 
ยัง ไม่จบกันกับเรื่องผู้หญิงอย่างว่า อันนี้ก็ต้องยอมรับกันอีกจริงๆ ว่า ชาวต่างชาติ(ผู้ชาย) บางคนที่มาเมืองไทยถือว่า ถ้ามาเมืองไทย แล้วต้องลองไปเที่ยวอย่างว่า (สรุปว่าอย่างว่านี่มันคืออะไรเนี่ย 555) รวมถึงอาชีพผู้หญิงอย่างว่าก็สามารถหาได้ไม่ยาก ดังนั้นทำให้ชาวต่างชาติบางคนเข้าใจผิดคิดว่าอาชีพผู้หญิงอย่างว่าเป็นอาชีพ ที่ถูกกฏหมายนั่นเองค่ะ


10. 
เข้าใจว่าคนไทยชอบกินพวกของแปลก 
ได้แก่ รถด่วน ตั๊กแตนทอด ด้วง แมงดาทอด และอื่นๆ แถมยังเข้าใจว่าคนไทยชอบกินกันสดๆ อีกต่างหาก 555+ ซึ่งอันนี้ก็อาจจะคล้ายๆ ที่เรามองว่าคนเกาหลีกินหมานั่นเองค่ะ คือเป็นแค่คนกลุ่มเล็กๆ ที่กินกัน แต่ก็โดนเหมารวมอีกเช่นเคย

นั่น ก็คือ 10 เรื่องที่ชาวต่างชาติเข้าใจประเทศไทยผิดนั่นเอง ซึ่งเราคงจะไปห้ามความคิดเค้าไม่ได้ แต่ที่สำคัญกว่านั้น ถ้าน้องๆ มีโอกาสได้พูดคุยกับคนเหล่านี้ ก็ อย่าลืมที่จะอธิบายให้เค้าเข้าใจถึงความเป็นจริงด้วยนะคะ เค้าจะได้เปลี่ยนมุมมองที่ผิดให้ดีขึ้น ^^

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

รำลึก 224 ปี หลุยส์ ดาแกร์ (Louis Daguerre)


          วันนี้ใครเข้ากูเกิ้ล คงสะดุดตาเข้าให้กับดูเดิ้ลใหม่อีกครั้ง คราวนี้มาในรูปของภาพถ่ายครอบครัวแสนอบอุ่น ฟันธงได้เลยว่าถ้าไม่คลิกเข้าไปดู ก็คงไม่มีใครเดาออกว่าดูเดิ้ลนี้สร้างขึ้นในโอกาสไหนอย่างแน่นอน แถมหลายคนแม้แต่คลิกเข้าไปดูก็ยังคงงง ง้ง งง กันต่อ เพราะแม้จะปรากฎคำอธิบายดูเดิ้ลว่าครบรอบ 224 ปี Louis Daguerre แต่ก็ไม่รู้จักว่าเขาเป็นใครกันซะนี่ วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำเรื่องราวของเขามาฝากกันค่ะ
          หลุยส์ ดาแกร์ (Louis Daguerre) เกิดเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ.1787 เป็นศิลปินและนักฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศส ผู้คิดค้นวิธีถ่ายรูปแบบดาแกโรไทพ์ หรือก็คือการสร้างภาพและบันทึกลงบนแผ่นเงิน ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิกคนสำคัญของวงการการถ่ายภาพเลยทีเดียว
          ในระยะแรก หลุยส์ ดาแกร์ เริ่มต้นชีวิตศิลปินด้วยการเรียนรู้งานด้านสถาปัตยกรรม ออกแบบโรงภาพยนตร์ และสร้างสรรค์ภาพวาดแบบพานอรามาร่วมกันกับ ปิแอร์ เพรโวส ศิลปินผู้สร้างสรรค์ภาพวาดพานอราม่าคนแรกของฝรั่งเศส ซึ่งตลอดเวลานั้น หลุยส์ ดาแกร์ ก็สนใจเรื่องการถ่ายภาพเป็นพิเศษ จึงได้เรียนรู้ศาสตร์การถ่ายภาพอย่างเอาจริงเอาจัง
          ต่อในปี ค.ศ. 1822 เมื่อ โจเซฟ เนียฟฟอร์ เนียพซ์ ได้สร้างสรรค์ภาพถ่ายแบบเฮลิโอกราฟเป็นคนแรกของโลก หลุยส์ ดาแกร์ ก็ได้ไปร่วมงานกับเนียพซ์ 3 ปีหลังจากนั้น  เพื่อค้นคว้าเรื่องการใช้วัตถุไวแสงประเภทซิลเวอร์ไอโอได หรือแผ่นเงินเคลือบไอโอดีนในการบันทึกภาพถ่าย แต่ยังไม่ทันที่การค้นคว้านี้จะประสบความสำเร็จ โจเซฟ เนียฟฟอร์ เนียพซ์ ก็เสียชีวิตลงเสียก่อน ทำให้ หลุยส์ ดาแกร์ ต้องทำการค้นคว้าต่อไปเพียงผู้เดียว จนกระทั่งประสบความสำเร็จในที่สุด และตั้งชื่อกระบวนการสร้างและบันทึกภาพด้วยการใช้ซิลเวอร์ไอโอไดนี้ว่า “ดาแกโรไทพ์” (Daguerreotype)
          และนับตั้งแต่นั้นมา หลังจากการถ่ายด้วยกระบวนการดาแกโรไทพ์ได้ถือกำเนิดขึ้น มันก็กลายเป็นสิ่งที่จุดประกายไอเดียนักพัฒนาในการพัฒนาภาพถ่ายแบบต่าง ๆ ขึ้นมาอีกมากมาย จนกระทั่งเป็นภาพถ่ายหลาย ๆ รูปแบบที่เราใช้กันทุกวันนี้ จึงนับว่า หลุยส์ ดาแกร์ เป็นผู้บุกเบิกที่สำคัญในวงการภาพถ่ายมากเลยทีเดียว

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มุมสุขภาพ



3กลุ่มผลไทย อุดมสารต้านมะเร็ง



สารอาหารที่มีสรรพคุณต้านมะเร็ง คือ สารกลุ่มแอนติออกซิเดนท์


ที่ประกอบด้วย เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอี เข้าทำลายและดักจับสารก่อมะเร็ง ปกป้องเซลล์และเนื้อเยื่อร่างกาย

ทั้งนี้ผลไม้ไทยที่หากินได้ง่ายในบ้านเราก็อุดมไปด้วยสารต้านมะเร็งดังกล่าว ในผลไม้กลุ่มที่อัดแน่นด้วยเบต้าแคโรทีน มีทั้งกล้วยไข่ มะละกอสุก มะยงชิด แคนตาลูปเหลือง สับปะรดภูเก็ต มะปรางหวาน มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงยายกล่ำ มะม่วงเขียวเสวยสุก
สำหรับผลไม้พวกที่มีวิตามินซีสูง ประกอบด้วย

มะขามป้อม มะขามเทศ ฝรั่งกลมสาลี่ ฝรั่งไร้เมล็ด เงาะโรงเรียน ส้มโอขาว มะละกอสุก พุทราแอปเปิ้ล ส่วนผลไม้วิตามินอีมาก คือ กล้วยไข่ มะขามเทศ ขนุนหนัง มะม่วงเขียวเสวยทั้งดิบและสุก มะม่วงน้ำดอกไม้สุก มะม่วงยายกล่ำสุก และแก้วมังกรเนื้อชมพู

อย่าลืมว่า เน้นกินผลไม้อย่างเดียวไม่ได้ช่วยป้องกันมะเร็งได้เต็มที่ ต้องกินอาหารมีประโยชน์ที่หลากหลาย พักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกาย และมีจิตใจแจ่มใสไม่เครียดด้วย.









กรดไหลย้อน ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง แต่ก็สร้างปัญหาให้กับหลายคน ไม่น้อย

ขอแนะนำเคล็ดลับช่วยลดอาการกรดไหลย้อนด้วยการเคี้ยว
หมากฝรั่ง
 ซึ่งมีผลวิจัยจากประเทศอังกฤษ พบว่า ผู้ที่เป็นกรดไหลย้อนรุนแรง การเคี้ยวหมากฝรั่งหลังอาหารเป็นเวลา 30 นาที สามารถช่วยลด กรดไหลย้อน แน่นเฟ้อ จุกเสียดได้ เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งจะช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำลายได้มากขึ้น ซึ่งช่วยเจือจางกรดให้เป็นกลาง

หากต้องการลดอาการกรดไหลย้อน ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารขยะ จำพวกเบอร์เกอร์ อาหารแปรรูปต่างๆ ด้วย