วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ร้องไห้เพื่อเงิน


การ ร้องไห้ตามคำสั่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำหรับ"หลิวจุนหลิน"แล้ว นั่นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร นั่นเพราะเธอต้องร้องไห้ทุกวัน ไม่ใช่เพราะมีเรื่องต้องเสียใจอะไร แต่นี่คือ"อาชีพ"


คนร้องไห้หน้าศพ หรือ "คูซังเหริน" ยังเป็นธรรมเนียมที่นิยมปฏิบัติกันอยู่ในสังคมจีน เพื่อสร้างบรรยากาศเศร้าสลดในงานศพให้โศกเศร้าอย่างถึงที่สุด และเธอก็ถือเป็น"นักร้องไห้หน้าศพ"ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของไต้หวัน

หลาย คนอาจมองว่าการร้องไห้เพื่อเงินเป็นอาชีพที่หากินกับความเศร้าของคน แต่สำหรับหลิว เธอมองว่า อาชีพดังกล่าวมีมานานแล้วตั้งแต่ในอดีต ซึ่งตามธรรมเนียมแล้ว ผู้ที่ล่วงลับต้องการการร้องไห้ที่โหยหวนและดังพอควร ที่จะส่งพวกเขาไปสู่ชาติภพหน้า
ใน อดีต ลูกสาวของบ้าน มักต้องเดินทางไปทำงานต่างเมือง ขณะที่การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก หากใครในบ้านเสียชีวิต พวกเธอไม่สามารถเดินทางกลับมาร่วมงานศพได้ทัน ดังนั้น บ้านต่างๆจึงจำเป็นต้องจ้าง "ลูกสาวจำเป็น" เพื่อเป็นคนทำหน้าที่นี้

งาน ศพตามธรรมเนียมของไต้หวัน นอกจากการร้องไห้ด้วยเสียงอันดังแล้ว ยังมีการแสดงเพื่อความบันเทิงนานาชนิดด้วย เพื่อเป็นการแสดงความเคารพให้แก่ผู้ตาย โดยในส่วนนี้ หลิว รวมถึงวงดนตรีของธอต่างสวมเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด และแสดงลีลาประกอบเพลงจังหวะคึกคักหลายเพลง ทั้งยังมีการแสดงตีลังกา และผาดโผนอีกจำนวนหนึ่ง ขณะที่"อาจี้" พี่ชายของเธอทำหน้าที่เล่นเครื่องสายแบบโบราณ


หลังการแสดงจบ ลง เธอจะกลับมาสวมชุดไว้ทุกข์อีกครั้ง และคลานไปยังโลงศพ ก่อนที่จะร้องไห้คร่ำครวญปริ่มขาดใจอีกครั้ง ขณะที่เสียงเพลงจากเครื่องสายบรรเลงคลอเบาๆ เสียงร้องของเธอดูโหยหวนและเอื้อนยาว เหมือนไม่ชัดเจนว่ากำลังร้องไห้หรือร้องเพลง

"พ่อจ๋า ลูกสาวคนนนี้คิดถึงใจจะขาด โปรดเถิดจงกลับมา"
หลิว ร้องไห้ให้ดูตามสั่ง แต่ยืนยันว่าการร้องไห้ทุกครั้งเป็นเรื่องจริง เธอคิดเสมอว่าทุกครั้งที่ไปทำงาน จะต้องคิดว่าครอบครัวที่สูญเสียก็เหมือนครอบครัวของเธอ เพื่อให้สามารถใส่อารมณ์ไปได้อย่างเต็มที่ และเมื่อเห็นคนที่มาร่วมงานเศร้าโศก นั่นทำให้เธอเศร้ายิ่งกว่า

ภาพ ลักษณ์ของเธอดูเหมือนสาวสมัยใหม่มากกว่าที่จะมาทำอาชีพโบราณเช่นนี้ หลิน เจิ้งจาง ผู้อำนวยการบริษัทรับจัดพิธีศพ ซึ่งทำงานร่วมกับหลิวมานานหลายปี กล่าวว่า นั่นทำให้เธอดูแตกต่างจากคนอื่น โดยทั่วไปคนมักมองว่าอาชีพนี้เหมาะกับผู้หญิงที่อายุมากกว่าเธอ แต่ด้วยความสาวและสวยของเธอ ทำให้เกิดจุดเดนและสร้างความสนใจได้มาก


หลิวไม่ใช่คนแรก ของครอบครัวที่ทำอาชีพนี้ แต่แม่และยายของเธอก็ล้วนแต่เป็นนักร้องไห้มืออาชีพมาก่อน สมัยยังเด็ก เธอมักจะวิ่งเล่นนอกบ้านที่จัดงานศพที่แม่เธอทำงานเสมอ ส่วนที่บ้าน เธอก็จะชอบเล่นซ้อมร้องไห้ต่อหน้าแม่และพี่สาว โดยคว้าอะไรก็ได้แล้วสมมุติว่าเป็นไมโครโฟน และสมมุติสิ่งของว่าเป็นโลงศพและคลานเข้าไปหา
พ่อ แม่ของเธอเสียชีวิตเมื่อเธอยังเป็นเด็ก และทิ้งลูกๆ 3 คนให้ยายเลี้ยง ทำให้เธอและพี่ชายต้องเข้ามาสู่อาชีพนี้แบบไม่ตั้งใจ เพื่อหาเงินใช้จ่ายในครอบครัว ขณะที่เธอมีอายุเพียง 11 ปี

เธอต้องตื่นนอนตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเพื่อซ้อมร้องไห้ ทำให้หลายครั้งไม่ได้ไปเรียนหนังสือ ตอนอยู่ที่โรงเรียนเธอมักโดนเพื่อนล้อถึงงานที่ทำ รวมถึงชุดที่สวมใส่ บางครั้งทำให้เธอรู้สึกไร้ค่าและน้อยใจ
การแสดงไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด หลายครั้งที่มีการแสดงท่าทีดูถูกจากครอบครัวของผู้ตาย หลิวกล่าวว่า ก่อน เริ่มพิธี บางครอบครัวแสดงท่าทีไม่พอใจ แต่หลังจากพิธีจบ พวกเขากลับร้องไห้อย่างหนักและเดินมาขอบอกขอบใจยกใหญ่ ซึ่งนั่นทำให้เธอเข้าใจของจุดประสงค์ที่แท้จริงในงานของเธอ หลิวกล่าวว่า มันทำให้ผู้คนได้ปลดปล่อยความโกรธเกรี้ยวและโศกเศร้า และสำหรับคนที่ไม่กล้าร้องไห้ต่อหน้าคนมากๆ พิธีนี้จะช่วยได้มาก เพราะคนจำนวนมากจะร่วมร้องไห้พร้อมกับเรา

หลิว ได้รับการฝึกฝนจากยายอย่างเข้มงวด จากเด็กที่ไม่รู้ประสีประสา กลายเป็นผู้หญิงที่สามารถพัฒนาทักษะในอาชีพ จนทำให้ครอบครัวที่เคยมีฐานะยากจนของเธอมีกินมีใช้ กระทั่งปัจจุบัน หลิวและพี่น้องต่างมีบ้านเป็นของตนเอง โดยในงานศพแต่ละครั้ง พวกเขาจะมีรายได้ต่องานที่ราว 18,000 บาท


อย่างไรก็ดี หลิน เจิ้งจางกล่าวว่า ทุกวันนี้ ธุรกิจค่อนข้างซบเซา อันเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจ และความเชื่อของคนรุ่นใหม่ที่ไม่สนใจพิธีศพแบบโบราณเช่นนี้ หลินกล่าวว่า นักร้องไห้ตามงานศพค่อยๆลดจำนวนลงทุกวัน ดังนั้น คนอย่างหลินจึงจำเป็นต้องหาทางเพื่อพัฒนาอาชีพของตนอยู่เสมอ หรือไม่ก็ต้องหาช่องทางทำกินอื่นๆเสริมด้วย

แต่ นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ ที่เป็นสาเหตุว่าทำไมเธอจึงจ้างพนักงานหญิงสาวสวยเพิ่มอีก 20 คน เพื่อช่วยบริการในงานศพ ทั้งการทำศพและช่วยงานในพิธี เธอกล่าวว่า ธุรกิจแบบนี้ยังคงไม่มีใครทำ โดยเฉพาะทางภาคเหนือของไต้หวัน มันจึงประสบความสำเร็จว่าที่คาดไว้มาก แต่เธอก็เองก็ทราบดี ว่าเธอต้องแสวงหาลู่ทางธุรกิจใหม่ๆอยู่เสมอ แต่อย่างไรเสีย เะอไม่มีวันที่จะทิ้งธุรกิจครองครัวชนิดนี้แน่นอน

หลิว กล่าวว่า มันเป็นธุรกิจที่ยายของเธอสร้างมาด้วยความยากลำบากจากความไม่มีอะไรเลย และเธอจะต้องถ่ายทอดสิ่งที่ยายสอนให้แก่คนอื่นๆ และสืบทอดธรรมเนียมโบราณนี้ต่อไป

ยาหม้อ



ขึ้น ชื่อว่า คนไทยน้อยคนนักที่ไม่เคยได้สัมผัสกับยาหม้อ ยิ่งเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ด้วยแล้ว นับว่าบริโภคกันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งในปัจจุบันนี้ยาหม้อดูจะกลายเป็นยาที่หายากและเริ่มห่างหายไปจากวงการ แพทย์ทางเลือก เพราะผู้คนนิยมใช้ยาฝรั่ง หรือยาแผนปัจจุบัน ซึ่งแท้จริงแล้ว ยาหม้อนั้นมีประโยชน์มากมาย เพียงแต่เราต้องทำความรู้จักกับมันให้ดีเสียก่อน
 
ยาหม้อคืออะไร
นพ ท.จิตติมา หลิวศิริ อายุรเวท โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท เปิดเผยว่า ยาหม้อไทย เป็นรูปแบบการปรุงยาอย่างหนึ่งตามวิถีของแพทย์แผนไทยหรือแพทย์พื้นบ้าน ซึ่งรูปแบบของยาจะเป็นในลักษณะของยาต้ม ซึ่งเป็นการใช้น้ำเป็นตัวทำละลายยาสมุนไพร

 
ยาหม้อมีส่วนประกอบอะไรบ้าง
- ตัวยาตรง เป็นตัวยาที่มีสรรพคุณโดยตรงในการบำบัดโรคหลักนั้นๆ
- ตัวยาช่วย เป็นตัวยาที่ช่วยรักษาโรคแทรก โรคตาม หรือโรคหลายโรครวมกันจากโรคหลักนั้นๆ
- ตัวยาประกอบ เป็นตัวยาที่ใช้เพื่อป้องกันโรคที่อาจจะตามมาได้ และช่วยบำรุงแก้ส่วนที่หมอเห็นควร หรืออาจจะเป็นตัวยาที่ใช้เป็นตัวคุมฤทธิ์ยาอื่นๆ
- ตัวยาชูกลิ่น ชูรส และแต่งสีของยา เป็นตัวยาที่ใช้เพื่อเป็นการปรุงยาให้น่ารับประทานมากขึ้น

 
กินยาหม้อเพื่อรักษาโรค ดีจริงหรือ
ยา หม้อมีข้อดีในการรักษา เนื่องจากเป็นยาที่สามารถรักษาอาการคนไข้ได้ครอบคลุมทุกอาการ ไม่ว่าจะเป็นอาการหลักของโรคหรืออาการแทรกซ้อน รวมถึงอาการข้างเคียงที่สามารถเกิดได้จากการรับประทานยาก็จะมีตัวยาประกอบ ที่สามารถไปควบคุมฤทธิ์ยาที่อาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนได้ นอกจากนี้ยาหม้อยังเป็นตัวยาที่ดูดซึมได้ง่าย ออกฤทธิ์เร็ว และมีวิธีการเตรียมที่ง่ายและสะดวกอีกด้วย

 
ความแตกต่างระหว่างการรักษาด้วยยาหม้อและยาแผนปัจจุบัน
ยา หม้อจะมีข้อดีในการรักษาที่เราจะเน้นการรักษาจากสาเหตุของโรค อีกทั้งตัวยาก็จะมีทั้งตัวยาที่ออกฤทธิ์เพื่อครอบคลุมอาการทั้งหมด ทั้งอาการหลัก อาการรอง และอาการข้างเคียงต่างๆ และการรับประทานยาหม้อยังเป็นยาที่ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย โดยไม่ต้องแปรรูปยา ทำให้อวัยวะภายใน เช่น ตับและไต ไม่ต้องทำงานหนักในการแปรรูปยา เพื่อการออกฤทธิ์และกำจัดออกจากร่างกาย

อย่าง ไรก็ตาม ยาหม้อจะมีข้อเสีย ในเรื่องของสี กลิ่นและรสชาติในการรับประทาน อีกทั้งยาต้มไม่สามารถเก็บไว้ได้นานเนื่องจากขึ้นราได้ง่าย ส่วนยาแผนปัจจุบัน มักจะเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ แต่จะมีข้อดีตรงที่ยาแผนปัจจุบัน จะเป็นการรักษาตามอาการ แบบทันทีทันใด สามารถรักษาได้อย่างฉับพลัน อย่างเช่น หากมีอาการปวดมาก ก็อาจจะเป็นการรักษาโดยการฉีดยาเพื่อลดอาการปวดได้อย่างทันทีทันใด และตัวยาก็สามารถเก็บรักษาได้เป็นเวลานาน

 
ใครที่เหมาะและไม่เหมาะกับการกินยาหม้อ
ยา หม้อสามารถรักษาโรคได้ทุกโรคทั่วไปตามแพทย์แผนปัจจุบัน สามารถรับประทานได้ทุกคน ยกเว้น ในกลุ่มของโรคที่อาจต้องรักษาโดยต้องใช้เครื่องมือแพทย์เฉพาะทางเป็นพิเศษ ซึ่งการกินยาหม้ออาจมีข้อควรระวัง ในแต่ละรายบุคคลไป และขึ้นกับยาสมุนไพรแต่ละตัวที่ใช้ในการรักษา หากมีอาการในเรื่องโรคประจำตัว เช่น แพ้เกสรดอกไม้ แพ้สมุนไพรบางชนิด มีความผิดปกติของตับ ไต และทางเดินปัสสาวะ สตรีมีครรภ์ เป็นต้น ซึ่งเราก็จะหลีกเลี่ยงการใช้ยาสมุนไพรนั้นๆ ที่อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการข้างเคียงได้ โดยใช้ตัวยาอื่นที่มีสรรพคุณใกล้เคียงกันแทน นอกจากนี้ เนื่องด้วยยาหม้อมีสี กลิ่น รส ที่ไม่น่ารับประทาน จึงอาจไม่เหมาะที่จะใช้ในการรักษาเด็กและผู้ที่ไม่สามารถยอมรับในเรื่องสี กลิ่นและ รสของยาได้

 
อันตรายจากการกินยาหม้อ
สำหรับ อันตรายจากยาหม้อนั้นนับว่ามีอยู่ เช่น อันตรายจากเชื้อรา วัตถุดิบ ฤทธิ์ของยา ซึ่งเราคงจะต้องระวังในเรื่องของวัตถุดิบตัวยา ที่เราจะนำมาใช้ เป็นยาหม้อ โดยสิ่งที่อยากให้ระวังในเรื่องแรกคือ ความสะอาดของตัวยา ไม่ควรที่จะมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ เช่น เศษดิน หนอน มด แมลงตัวเล็กๆ เป็นต้น การระวังในเรื่องของเชื้อราที่มากับตัวยาสมุนไพรที่มีความชื้นหรือจากการที่ เก็บยาหม้อไว้เป็นเวลานานเกินไป เพราะหากรับประทานเข้าไปย่อมไม่ดีต่อร่างกายเป็นแน่ หรือแม้กระทั่งยาบางตัวที่มีฤทธิ์แรง ก็จะต้องทำการสะตุ ประสะ หรือฆ่าฤทธิ์ยาเสียก่อน เพื่อทำให้ฤทธิ์ยาอ่อนลงจนสามารถนำมาใช้ได้โดยไม่เกิดอันตรายใดๆ ต่อร่างกาย

 
วิธีการกินและเก็บรักษายาหม้อที่ถูกต้อง
ให้ รับประทานยาในเวลาท้องว่าง คือ ก่อนอาหาร เพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้ดี และวิธีในการเก็บรักษายาหม้อที่ถูกต้องคือ ยาหม้อโดยปกติสามารถต้มกินได้ไม่เกิน 7-10 วัน หรือจนกว่าตัวยาจืด แต่จะต้องอุ่นยาเช้า-เย็น เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเชื้อรา และทำให้ยาหม้อบูด หรือเสียได้

คุณยายญี่ปุ่นวัย 114 ปีครองสถิติผู้หญิงอายุยืนที่สุดในโลก



สำนักข่าวเอพีรายงานจากเมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 27 ก.พ.ว่า นางมิซาโอะ โอกาวา หญิงชราชาวญี่ปุ่นวัย 114 ปี ทายาทของช่างตัดเย็บกิโมโนท้องถิ่น ได้รับการบันทึกจากหนังสือบันทึกสถิติโลก “กินเนสส์” ให้เป็นสตรีผู้มีอายุยืนที่สุดในโลก

โอกาวากล่าวหลังได้รับมอบใบประกาศเกียรติคุณ และบันทึกภาพร่วมกับเจ้าหน้าที่ของ “กินเนสส์ บุ๊ค ออฟ เวิลด์ เรคคอร์ด” ว่า การได้รับเกียรติครั้งนี้ถือเป็นของขวัญสำคัญสำหรับวันเกิดฉลองอายุครบ 115 ปีของเธอ ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 5 มี.ค.นี้

เมื่อ ถูกถามถึงเคล็ดลับในการใช้ชีวิตเพื่อให้มีอายุยืน โอกาวาซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ที่สถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุในเมืองโอซากากล่าว เพียงว่า ขอให้ตั้งใจรักษาสุขภาพอย่างสม่ำเสมอก็น่าจะเพียงพอ

ส่วน สถิติชายที่มีอายุยืนที่สุดในโลกเป็นของชาวญี่ปุ่นเช่นกัน คือนายจิโระเอมอน คิมูระ ปัจจุบันมีอายุ 115 ปี ทำให้ญี่ปุ่นครองสถิติประเทศที่มีผู้สูงวัยอายุเกิน 100 ปีมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยสถิติล่าสุดของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุมีจำนวนมากกว่า 51,000 คน

วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby

วิธีเล่นเฟอร์บี้ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby


ลองย้อนกลับไปสมันเด็กๆกันหน่อย เพื่อนๆบางคนก็คงจะเคยได้เล่นเจ้าตุ๊กตาขนฟูสุดน่ารัก อย่าง ตุ๊กตาเฟอร์บี้Furby กันแน่ๆ มันเปรียบเสมือนเพื่อน สัตว์เลี้ยงของเรา เราสามารถคุยกับมัน เล่น และร้องเต้นไปกับมันได้ น่ารักจริงๆ ^^
และในปีนี้ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby ได้กลับมาสร้างความน่ารัก สนุกสนานให้เพื่อนๆได้เล่นกันอีกแล้วคะ แถมลูกเล่นของมันนั้นสุดยอดและทันสมัย เหมาะกับเด็กวัยรุ่นสมัยนี้จริงๆ!!! …

วิธีเล่นเฟอร์บี้ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby

วิธีเล่นเฟอร์บี้ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby

ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby มาจากไหน?

  • ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby  มีถิ่นกำเนิดมาจากเกาะเฟอร์บี้ ซึ่งมีครอบครัวหนึ่งไปค้นพบเฟอร์บี้ 2 ตัวที่มีชื่อว่า อี-โล และ อี-ไฮ เข้า และเมื่อครอบครัวนั้นต้องเดินทางเพื่อผจญภัยต่อไป พวกเขาก็ตัดสินใจพา อี-โล และ อี-ไฮ ไปด้วยเพื่ออกค้นหาเฟอร์บี้ ตัวอื่นๆต่อไป

วิธีเล่นเฟอร์บี้ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby

การกำเนิด ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby

  • ตอนที่เจ้าตุ๊กตาแก้มยุ้ย ขี้เล่น ขนฟูตัวนี้ออกสู่สายตาชาวโลกในปี 2541
  • สีของ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby โดยมีสีขาว สีดำกับสีขาว สีเทากับสีชมพู สีน้ำตาลกับสีชมพู
  • มันก็สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นของเล่นขายดีที่สร้างยอดจำหน่ายได้ถึง 40 ล้านตัวทั่วโลก

วิธีเล่นเฟอร์บี้ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby

วิวัฒนาการใหม่ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby เพื่อให้กลายเป็นเพื่อนซี้ (นูล่า) ของทุกคน

  • ลองจินตนาการดูว่าจะดีแค่ไหนถ้าคุณมีเพื่อนที่ทำทุกอย่างที่คุณชอบ ในเวลาที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็นร้องเพลง เต้นรำ เล่นเกม เล่าเรื่องตลก หรือแม้แต่สอนภาษาใหม่ๆ ให้คุณ นี่คือสุดยอดของความล้ำสมัยของเทคโนโลยี
  • ตุ๊กตาเฟอร์บี้ มีหน่วยความจำขนาด 500 KB ที่ให้ชีวิตแก่เฟอร์บี้ จะว่าไปแล้วเฟอร์บี้มันดูล้ำยุคมากซะจนเราลืมไปว่ามันคือของเล่น
  • ในปีนี้ 2012-2013 มันมีหน่วยความจำที่มากกว่าเก่าถึง 6 เท่า มีวิวัฒนาการที่ล้ำหน้าไปมาก เจ้าเฟอร์บี้พร้อมที่จะสร้างปรากฏการณ์อีกครั้งในฐานะเพื่อนคู่ใจเด็กๆที่หลงไหลของเล่นไฮเทคทั้งหลาย
  • ตุ๊กตาเฟอร์บี้ เป็นของเล่นชนิดแรกที่ใช้เทคโนโลยี Emoto-Tronics เพื่อช่วยทำให้การขยับเขยื่อนหรือแสดงอารมณ์บนใบหน้าและท่าทางดูสมจริง ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปาก หูและขนตาที่ขยับได้ ช่วยให้มันหัวเราะ ยิ้ม ทำหน้าเศร้า หาวนอน หรือแม้แต่อาการน่าเกลียดน่ากลัว อาการกลัวและเบื่อ
  • ท่าทางที่เหมือนจริงของ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ ทำได้ด้วยเซ็นเซอร์สัมผัส 3 ตัว และการจดจำเสียงที่มาจากชิปคอมพิวเตอร์หลายตัวรวมไปถึงชิปแบบ 14 เมกกาเฮิร์ทซ์ และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ลองจั๊กจี๊ที่ท้องมันก็จะหัวเราะ และถ้าลูบหลังมันก็จะส่งเสียงมีความสุข มันจะเคี้ยวอาหารเมื่อหิว และจะบอกให้เราทราบว่าเมื่อไรมันถึงจะอิ่ม

วิธีเล่นเฟอร์บี้ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby

วิธีเล่นเฟอร์บี้ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby และการจดจำเสียง

  • ตุ๊กตาเฟอร์บี้ สามารถรับรู้เฟอร์บี้ตัวอื่นได้ สามารถคุยกับเฟอร์บี้ด้วยกันเองได้ และมันก็ฉลาดมากด้วยที่สามารถพูดได้หลายร้อยคำหลายร้อยวลีทั้งในภาษาเฟอร์บีส ซึ่งเป็นภาษาของมันเอง (เฟอร์บี้จะพูดคุยภาษา Furbish กัน) และภาษาอังกฤษ ยิ่งพูดภาษาเฟอร์บีสกับมันมากเท่าไร มันก็จะพูดกลับมาเป็นภาษาอังกฤษมากเท่านั้น
  • วิธีนี้ทำให้เด็กๆได้เรียนรู้ภาษาของมัน โดยมีพจนานุกรม เฟอร์บีส/อังกฤษ และ อังกฤษ/เฟอร์บีส ให้ด้วย
  • การจดจำเสียงได้หมายความว่าเฟอร์บี้มันจะฟังที่เราพูด และตอบสนองตามอารมณ์ของมัน ถ้าให้มันเล่าอะไรให้ฟังมันก็จะเล่าเรื่องชีวิตของมันสมัยที่อยู่บนเกาะโนนามี ถ้าจะเอาเสียงหัวเราะ เฟอร์บี้ก็เล่นมุข น็อกๆ เคาะประตูบ้านได้ หรือถ้าอยากเล่นเกมส์ มันก็สามารถท้าเราเล่นเกมไฟแดงไฟเขียวได้ นั่นคือเฟอร์บี้จะนับ 1 ถึง 10 ในขณะที่เราเดินหนี จากนั้นเราต้องกลับมาให้ใกล้มันมากที่สุดเพื่อจั๊กจี๊พุงมันให้ได้โดยที่ไม่ถูกจับได้ ในขณะที่มันลืมตาและหลับตา มันทำได้ทุกอย่างจริงๆ ไม่ว่าจะร้องเพลง หรือเต้นรำ

วิธีเล่นเฟอร์บี้ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby

ปีนี้ลุ๊คใหม่!! ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby พร้อมเทคโนโลยีการควบคุมสุดล้ำในระบบ iOS

  •  The Verge ได้ทำการรายงานว่า ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby ตัวล่าสุดนี้มาพร้อมกับนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีครั้งสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวล้ำของยุคสมาร์ทโฟน
  • โดยจุดเด่นของ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ อยู่ที่ดวงตากลมโตที่ใช้สื่ออารมณ์ในเวลาโกรธ ดีใจ หรือแม้กระทั่งไร้เดียงสาด้วยไฟหน้าจอ LCD และตัวรับสัญญาณอินฟราเรดบนหน้าผาก
  • เฟอร์บี้เว่อร์ชั่นใหม่นี้ยังคงความน่ารักไม่ต่างจากรุ่นที่ผ่านมาทั้ง ความสามารถในการร้องเพลง การเต้นรำ สนทนากับเจ้าเฟอร์บี้ตัวอื่น ขนฟูฟ่องของมันยังถูกปกคลุมด้วยขนนีออน หางหนานุ่ม มีใบหูและเท้าเป็นพลาสติก พร้อมจะงอยปากที่ขยับเปิดปิดและลิ้นไว้รับรู้รสในการป้อนอาหาร
  • แน่นอนว่ามีแอพพลิเคชั่นให้ดาว์นโหลดฟรีในระบบ iOS  ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby การเล่นผ่าน Application บน iphone,  ipad,  ipod touch, android
 วิธีเล่นเฟอร์บี้ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby
  • เฟอร์บี้รุ่นเก่านั้น หน้าตาก็คล้ายดังรูป สูงประมาณ 5 นิ้ว เป็นหุ่นยนต์หน้าตาเป็น สัตว์เลี้ยง ที่ไม่มีอยู่ในโลกนี้ ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงหุ่นยนต์ ช่างจ้อพูดไม่หยุด โดยตา ปาก สามารถขยับได้ อีกทั้งยังสามารถเต้นได้ด้วยถ้า เฟอร์บี้อารมณ์ดี
  • สุดท้ายก็คือ เหมือนรุ่นเก่า เฟอร์บี้จะไม่มีปุ่มปิด ต้องไม่สนใจมัน ๆ ก็เงียบไปเอง (หลับ) หรือต้องจับถอดถ่านออกเอง
วิธีเล่นเฟอร์บี้ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby แอพพลิเคชั่น Furby teen.mthai