วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

Fête de La Chandeleur

Fête de La Chandeleur


วัน Chandeleur นั้น ว่ากันตามเรื่องก็เป็นการฉลองการแจ้งเกิด(ประสูติ)ของพระเยซูคริสต์ ที่บอกว่าการแจ้งเกิดนั้นก็เนื่องมาจากในสมัยนั้น ตาม la loi de Moïse กำหนดให้ชาวยิวจะต้องนำบุตรที่เกิดใหม่ไปแสดงตัวต่อพระผู้เป็นเจ้าที่วัด โดยในพิธีจะต้องมีการบูชายัญนกเขาหรือนกพิราบด้วย  ซึ่งปรากฏว่าพระมารดามารีและโยเซฟซึ่งเป็นชาวยิวได้นำพระเยซูไปที่วัดในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ หรือหลังจากประสูติแล้ว ๔๐ วันนั้นเอง  โดยตามประวัติบอกว่าในวันดังกล่าวเป็นวันที่พระแม่มารีได้พบกับนักบุญ Simeon ซึ่งได้พยากรณ์ชะตาของพระเยซูว่าจะเป็นแสงสว่างแก่โลก...นอกจากนี้ ยังถือว่าวันนี้เป็นวัน "Purification de la Vierge" หรือวันไถ่บาปแก่พระแม่มารี(ตามบทความก็ตั้งข้อสงสัยไว้ว่า ตามประวัติพระเจ้าได้ช่วยให้พระแม่มารีพ้นจากบาปพื้นฐาน( le peché originel) แล้วเหตุใดถึงต้องมาไถ่บาปในครั้งนี้อีก)
                ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่าวัน Chandeleur เป็นวันที่มีความสัมพันธ์กับแสงสว่าง...ตามโบสถ์ก็จะมีการนำเทียนไขปลุกเสก(chandelles bénies)มาจุดแทนคบไฟ โดยความเชื่อที่ว่าแสงสว่างจากเทียนปลุกเสกจะขับไล่ความชั่วร้าย พายุ ความตาย เป็นต้น นอกจากนี้ยังเชื่อว่าจะทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ในฤดูเพาะปลูกที่จะมาถึงในไม่ ช้านี้.....และคริสต์ศาสนิกชนได้มีนำเทียนไขมาจุดในบ้านเรือนเพื่อคุ้มครอง ตามความเชื่อดังกล่าว พิธีการจุดเทียนไขได้ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันก็เพื่อระลึกถึงพระเยซูซึ่งเป็น แสงสว่างแห่งโลกมนุษย์...
            ...หลายคนอาจอ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็ยังงงว่า เอ....แล้วไปกินเครปกันได้ยังไง...มันเกี่ยวกันตรงไหน... มันมีที่มาครับ....
            คำว่า "Chandeleur" มาจากคำภาษาละตินว่า "Candela" ซึ่งแปลว่าแสงสว่าง...หรือที่ภาษาฝรั่งเศษใช้คำว่า "la chandelle" ที่แปลว่าเทียนขี้ผึ้ง หรือแสงสว่างนั่นเอง..... ซึ่งก็เป็นการแทนคำว่า "Festa candelarum" เป็น "fête des chandelles"
            ในสมัยโรมันได้มีการฉลองวันดังกล่าวกันในวันที่ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ของทุกปี โดยบูชาต่อเทพเจ้า Lupercus หรือเทพหมาป่า ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ โดยถือว่าเป็นวันแห่งการเจริญพันธุ์ เพราะเป็นวันเริ่มแห่งฤดูผสมพันธุ์นก(วันแห่งความรักของนก : la saison des amours chez les oiseaux)
            ในส่วนของชาว Celtes(คนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ทางทิศ ตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมัน (บางตำราบอกว่ากลุ่มชนดั้งเดิมที่อาศัยอยู่บนเกาะไอร์แลนด์))ซึ่งกลัวต่อ ความมืดและความหนาวเย็นก็จัดให้มีพิธีหลังจากวันสิ้นสุดฤดูหนาวในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ของทุกปีเพื่อฉลองความเจริญสมบูรณ์เหมือนกัน
            อย่างไรก็ดีเมื่อศาสนาคริสต์มีบทบาทในยุโรปมากขึ้นก็ได้มีการนำวัน Chandeleur มาแทนที่วันบูชาเทพเจ้า Lupercus ของโรมัน โดยอ้างว่าเป็นการแทนที่พิธีของพวกนอกศาสนาโดยศาสนพิธี โดยเลือกเอาวันเฉลิมฉลองหลังจากที่พระเยซูประสูติแล้ว ๔๐ วัน...(วันที่ไปทำพิธีที่วัดตามที่กล่าวแล้วข้างต้น)
            ส่วนประเพณีการกินเครปในวันนี้ก็เกิดจากสันตปาปา Gélase ที่ ๑เป็นคนริเริ่มขึ้นในคริสตศตวรรษที่ ๕นำเครปมาเลี้ยงฉลองแก่ผู้แสวงบุญที่กรุงโรมนั่นเอง ทั้งนี้เพราะ รูปร่างและสี ของเครปเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ขึ้นหลังจากคืนสุดท้ายของหน้าหนาว...และนอก จากนี้แป้งที่ใช้ทำเครปก็ทำมาจากแป้งสาลีที่มีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นที่ดี...

พิธีการทำเครป
            ใครว่าฝรั่งไม่งมงาย....มาถึงตรงนี้อาจต้องลองคิดดูอีกรอบ...เพราะ ในวัน Chandeleur นี้ ฝรั่งเขาจะทำเครปกินกัน โดยในการทำจะใช้กะทะทำเครปแบบโบราณไม่ใช่ใช้เตาแบบที่เห็นกันตามร้านหรือที่สยามบ้านเรา....
            เหตุที่ต้องใช้กะทะก็เพราะว่าตอนทำเครปจะต้องกำเงินเหรียญไว้ในมือแล้วโยนกลับด้านเครป...ถ้าไม่หล่นก็จะทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ เจริญเฟื่องฟูไปตลอดปี หรือมีความสุขสมหวังไปจนถึงวัน Chandeleur ในครั้งหน้า....
            นอกจากนี้ ฝรั่งยังมีความเชื่อที่ว่าให้โยนเครปแผ่นแรกที่ทำเข้าไปในตู้จะทำให้อุดมสมบูรณ์ และไม่มีเชื้อรา....อันนี้ใครจะไปลองก็ไม่ห้ามนะ แต่ไม่รับรองผล...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น