วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2556

โอริโอ้


โอริโอ้” คุกกี้ช็อกโกแลตที่ได้ชื่อว่าขายดีที่สุดในโลก ได้ฉลองอายุครบรอบ 100 ปีไปเมืื่อวันที่ 6 มีนาคมที่่ผ่านมา โดยโอริโอ้ได้ถือกำเนิดในปี 1912 ภายใต้การผลิตของบริษัท เนชันแนล บิสกิต คอมปานี หรือ”นาบิสโก” โดยได้จำหน่ายแซนวิชคุกกี้ที่ร้านค้าปลีก “S.C. Thuesen” ที่เมืองโฮโบเกน รัฐนิวเจอร์ซีเป็นที่แรก

โอริโอ ถูกผลิตผลิตออกมาเพื่อมาสู้กับบิสกิตที่มีลักษณะคล้ายกันจากประเทสอังกฤษ แล้วค่อย ๆ พัฒนาต่อมาจนโอรีโอกลายเป็นแซนวิชคุกกี้ที่ขายดีที่สุดในศตวรรษที่ 20 โดยทำยอดขายทั่วโลกเมื่อปีที่แล้วไปกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์ แต่เดิมคุ้กกี้ยี่ห้อนี้มีรูปร่างนูน โดยขายในราคา 25 เซ็นต์/ปอนด์ บรรจุในกระป๋องสังกะสีที่มีฝาเป็นแก้วให้มองเห็นของข้างในได้ และได้เปลี่ยนชื่อเรียกเรื่อยมาหลายชื่อ เช่น “โอริโอ แซนด์วิช” (Oreo Sandwich) ในปี 1921, “โอริโอ ครีม” (Oreo Creme Sandwich) ในปี 1948, “โอริโอ ช็อคโกแลต แซนด์วิช คุกกี้” (Oreo Chocolate Sandwich Cookies) ในปี 1974 และเปลี่ยนเป็น โอริโอ้ ซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าจะเปลี่ยนมาหลายชื่อ แต่โอริโอ้ยังคงใช้สโลแกนเดิมคือ “บิด ชิมครีม จุ่มนม” (twist, lick and dunk)
แม้ว่าโอริโอ้จะเป็นขนมจานโปรดของใครหลายคน แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า โอริโอ้นั้นมีความลับซ่อนอยูู่อีกมากมาย อย่างน้อยก็คงเป็นความลับ 9 ข้อนี้ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
1. “โอริโอ” มีชื่อที่ยังคงเป็นปริศนา ไม่มีใครสามารถยืนยันที่มาได้แน่ชัด บ้างก็เชื่อว่ามาจากคำว่า “Or” ในภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า”ทอง” หรือมาจากแพ็คเกจที่แต่เดิมส่วนใหญ่เป็นสีทอง บ้างก็คาดเดาไปไกลว่าเพี้ยนมาจากภาษากรีก “βουνό” ที่แปลว่า”ภูเขา” อาจเนื่องจากในช่วงทดลอง โอริโอจะมีรูปร่างขายภูเขาขนาดย่อม
2. ร้อยละ 71 ต่อ 29 คือสัดส่วนของเนื้อคุกกี้และครีม ของคุกกี้โอริโอ้สูตรดั้งเดิม

3. โอริโอได้รับอนุญาตให้เป็น “โคเชอร์” หรืออาหารที่สอดคล้องกับหลักศาสนาที่ชาวยิวสามารถรับประทานได้ เมื่อปี 1998 (โคเชอร์ ในภาษาฮีบรูว์ แปลว่า “สะอาด” หรือ “เหมาะสม” หรือ “เป็นที่ยอมรับ”) โดยจะมีเครื่องหมายดังกล่าวอยู่เหนือข้อมูลน้ำหนักของผลิตภัณฑ์
4. หนึ่งในส่วนผสมดั้งเดิมของครีมรสชาติเข้มข้นของโอริโอ้คือ Trans fat หรือที่เรียกชื่อเต็ม ๆ ว่า Trans Fatty Acid หรือมีชื่อเล่นว่า “ไขมันหมู” ต่อมาจึงมีการยกเลิก หลังจากมีการค้นพบว่าการรับประทานกรดไขมันชนิดนี้เป็นเวลานาน จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับคอเลสเตอร์รอลในเลือด ซึ่งเป็นอันตรายต่อหัวใจและหลอดเลือด
5. หากนำโอริโอ้เท่าที่มีการผลิตขึ้นมามาวางรอบโลก จะสามารถวางได้ถึง 381 รอบ เมื่อนำขนมทุกชิ้นมาต่อกันในแนวเส้นศูนย์สูตร หรือหากวางในแนวตั้ง จะมีระยะทางเท่ากับการไป-กลับดวงจันทร์ได้ถึง 5 รอบ
6. ในปี 1912 โอริโอ้ได้ผลิตออกมา 2 ไส้ คือ เมอแรงมะนาว และ ครีม ก่อนดีไซน์ใหม่ของโอรีโอ้จะเกิดขึ้นในปี 1916 และได้หยุดผลิตไส้เมอแรงมะนาวที่ขายสู้ไส้ครีมไม่ได้ในช่วงปี 1920 การออกแบบใหม่เกิดขึ้นในปี 1952 โดยรวมยี่ห้อของนาบิสโก ไว้บนคุ้กกี้ด้วย ปัจจุบันโอรีโอ้ถูกผลิตออกมาในรูปแบบต่าง ๆ กว่า 40 ชนิด

7. โอริโอ้มีวางจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยประเทศที่มียอดขายสูงสุดตามลำดับได้แก่ สหรัฐฯ, จีน, เวเนซุเอลา, แคนาดา และอินโดนีเซีย ในบางประเทศเช่นจีน “คราฟท์ ฟู้ด” ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของนาบิสโก ได้มีการปรับเปลี่ยนสูตรเล็กน้อยเพื่อให้ถูกใจผู้บริโภค
8. มีการผลิตโอริโอ้รสชาติพิเศษ รุ่น “ลิมิเต็ด เอดิชัน” เพื่อฉลองการครบรอบ 100 ปี โดยใช้ชื่อว่า “เบิร์ธเดย์ เค้ก โอริโอ” ที่จะมีไส้ที่มีลักษณะคล้ายขนมเค้ก
9. 450,000 ล้านชิ้น คือจำนวนที่โอริโอ้ถูกวางจำหน่ายทั่วโลก นับตั้งแต่วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 1912 จนถึงปัจจุบัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น